Tag Archives: ไวน์

Collezione Cinquanta San Marzano

Collezione Cinquanta San Marzano

            Collezione Cinquanta San Marzano นับได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเยี่ยมอีกรุ่นหนึ่งที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เล่าลือถึงคุณภาพที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Cantine San Marzano ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้เป็นแบรนด์ไวน์ขนาดใหญ่ที่มีโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นที่เพาะปลูกองุ่นด้วยตัวเอง ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตไวน์อยู่ที่เมือง Primitivo di Manduria ของเมือง Puglia ที่อยู่ทางด้านตอนใต้ของประเทศอิตาลี โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้เป็นแบรนด์ไวน์ที่ก่อตั้งขึ้นมาจากการรวมตัวกันของนักปรุงไวน์มืออาชีพชาว Puglia จำนวน 19 คนด้วยกันในช่วงปี 1962 ซึ่งนับว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีอายุของการก่อตั้งยาวนานตราบจนถึงเวลาปัจจุบัน

โดยไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นไวน์ที่มีคะแนนสูงมากที่สุดเป็นอันดับที่สามของชาวเมือง Vino da Tavola  และได้รับรางวัลที่สองจากการแข่งขันการประกวดไวน์นานาชาติอีกด้วย โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยอาศัยวัฒนธรรมของกระบวนการผลิตไวน์ท้องถิ่นมาผสานกันกับวัตถุดิบท้องถิ่น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ผสมกันระหว่าง องุ่นสายพันธุ์ Negroamaro และองุ่นสายพันธุ์ Primitivo ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นสองสายพันธุ์ที่นิยมเป็นวงกว้างทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศอิตาลีที่ต้องการผลิตไวน์แดงผสมที่รักษาเนื้อสัมผัสที่คล้ายคลึงกันกับธรรมชาติมากที่สุด และทางผู้ผลิตก็จะนำองุ่นเหล้านั้นไปหมักลงไปเพื่อคัดเอาลักษณะความงดงามขององุ่นมาใช้ในไวน์ให้ได้มากที่สุดด้วยเทคนิคการหมักไวน์สมัยใหม่ด้วยการนำองุ่นทั้งหมดไปหมักลงในถังสเตนเลสและถังไม้โอ๊กบาร์เรลสายพันธุ์ฝรั่งเศสที่ค่อนข้างมีอายุมากกว่า 12 เดือนจนทำให้ไวน์ชนิดนี้มีอายุมากกว่า 50 ปี จนได้รับรางวัลเพิ่มอีกหนึ่งรางวัลจากกระบวนการผลิตยอดเยี่ยมจากทวีปยุโรปในปี 2017 อีกด้วย

ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสและลักษณะภายนอกที่ค่อนข้างน่าสนใจสำหรับวงการไวน์ในระดับโลกด้วยกัน โดยลักษณะที่โดดเด่นของไวน์ชนิดนี้คือความเข้มข้นและความซับซ้อนของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติของไวน์ที่หาได้ยากยิ่ง โดยกลิ่นของไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความหอมหวานลงตัวอย่างยิ่งด้วยการผสมผสานกันระหว่างกลิ่นของลูกพรุน วานิลลา ชะเอมเทศ เครื่องเทศและผลไม้สีแดง อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อเป็นอย่างมากแต่ว่าก็ยังมีเนื้อสัมผัสของไวน์ที่มีความนุ่มนวลและระยะเวลาที่สัมผัสหรือติดลิ้นที่ค่อนข้างยาวนานอีกด้วย

ในภาพรวมนี้สามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่น เนื้อสัมผัสและรสชาติที่ค่อนข้างน่าประทับใจใครหลากหลายคนเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความซับซ้อนและความเข้มข้นของวานิลลา ชะเอมเทศ เครื่องเทศ ลูกพรุนและผลไม้สีแดงนานาชนิด ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อแกะและอาหารจานเดียว เช่น พาสต้า นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ซึ่งนับได้อยู่ว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับไวน์ทั่วไป

Collezione Cinquanta San Marzano

Collezione Cinquanta San Marzano

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Domaine François Gaunoux Pommard Les Tavannes

Domaine François Gaunoux Pommard Les Tavannes

            Domaine François Gaunoux Pommard Les Tavannes นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ประทับใจของนักดื่มหลากหลายท่านด้วยกัน โดยไวน์แดงชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์แดงที่ถูกรังสรรค์และผลิตขึ้นมาด้วยความสามารถจากนักปรุงไวน์มากฝีมือจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่างDomaine François Gaunoux ที่มีถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่หมู่บ้าน Pommard ที่สังกัดในเขตการปกครองเมือง Burgundy ที่นับได้ว่าเป็นแหล่งการผลิตที่มีชื่อเสียงและทรงพลังอย่างมากของประเทศฝรั่งเศส

            โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้จะนิยมผลิตไวน์ที่มีการใช้วัตถุดิบจากองุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir เป็นหลักตามชาวบ้านพื้นเมืองเดิมที่นิยมการผลิตในลักษณะแบบนี้ ซึ่งทางผู้ผลิตไวน์ชนิดนี้จึงได้มีการสานต่อวัฒนธรรมและกระบวนการผลิตมาจากชาวบ้านโดยการ นำองุ่นสายพันธุ์ Pinot Noir แท้ 100% มาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตไวน์แดงชนิดนี้ โดยทางผู้ผลิตนั้นจะทำการไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลาหนึ่ง โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้ใช้นั้นจะมีเงื่อนไขสำคัญอยู่ข้อหนึ่งว่าจะต้องทำการใช้องุ่นที่เก็บเกี่ยวได้จากในไร่ของตัวเองเท่านั้น

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีมนต์เสน่ห์ในดึงดูดด้วยเรื่องของลักษณะภายนอกอยู่พอสมควร เนื่องด้วยไวน์แดงชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่สีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างออกไปทางสีแดงเข้มราวกับสีจองทับทิมสวยงาม อีกทั้งยังเป็นไวน์แดงที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างหวานหอมและเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นและรสชาติของผลสตรอเบอร์รี่และผลเชอร์รี่สีแดงสุกที่ผสานกันกับความแห้งและเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างมีความเป็นกรดที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของผลสตรอเบอร์รี่และผลเชอร์รี่สีแดงสุก เป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างแห้ง เต็มน้ำเต็มเนื้อและมีลักษณะของไวน์ที่มีระยะเวลาในติดลิ้นที่ยาวนานอีกด้วย ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่หรือเนื้อเป็ด และเครื่องในสัตว์ อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13% ด้วยกัน

Domaine François Gaunoux Pommard Les Tavannes

Domaine François Gaunoux Pommard Les Tavannes

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Patria Nueva Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patria Nueva Limited Edition Cabernet Sauvignon

            Patria Nueva Limited Edition Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ได้รับความนิยมและเป็นที่สนใจของคนทั่วไปอย่างมาก รวมทั้งยังถือได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นผลงานชิ้นโบแดงที่ถูกส่งต่อความงดงามและประสบการณ์อันยาวนานที่ทางผู้ผลิตได้ทำการถ่ายทอดออกมา โดยแบรนด์ไวน์ที่ได้ทำการผลิตและรังสรรค์ไวน์ชนิดนี้ออกมาสู่สายตาชาวโลก คือแบรนด์ไวน์ Patria Nueva ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อในด้านการผลิตไวน์ที่ยอดเยี่ยมมาอย่างมากมายอย่าง Curico Valley ในใจกลางของประเทศชิลี ซึ่งนับได้ว่าเป็นสถานที่ผลิตไวน์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 115 ไมล์หรืออยู่ที่ประมาณ 185 กิโลเมตรด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก เนื่องจากไวน์ชนิดนี้จะเป็นไวน์ที่ทางผู้ผลิตจะมีการเลือกสรรองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่นำมาใช้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon แท้ 100% ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ยอดนิยมใช้ในการผลิตไวน์แดงทั่วโลก โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกมานั้นจะต้องผ่านการเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้นและผ่านการคัดเลือกอย่างดี หลังจากนั้นไวน์ชนิดนี้ก็ยังนำองุ่นทั้งหมดไปบ่มและไปหมักต่อลงในถังไม้โอ๊กเป็นระยะเวลาหนึ่งด้วยกัน

            โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความโดดเด่นอย่างมาก เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงเข้มเคลือบกันกับสีม่วงสวยงามและตัดกันได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่ไม่ได้มีดีเพียงแค่เนื้อสัมผัสเท่านั้น แต่ว่าในด้านกลิ่นและรสชาติก็มีดีด้วยกัน เริ่มต้นด้วยกลิ่นของไวน์ชนิดนี้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นที่ค่อนข้างซับซ้อนอย่างมาก เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นไปด้วยลูกพลัม ผลเชอร์รี่ ชะเอมเทศ วานิลลาและโกโก้ นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเต็มน้ำเต็มเนื้อและความกลมกล่อมของสารแทนนินที่ให้ความเปรี้ยวอมหวานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            ใยภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยม มีทั้งความเข้มข้นและความซับซ้อนในองค์ประกอบของไวน์ เป็นไวน์ที่มีความโดดเด่นจากชะเอมเทศ ลูกพลัม เชอร์รี่ วานิลลา โกโก้และสารแทนนิน ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะนำไวน์ชนิดนี้ไปรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด

Patria Nueva Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patria Nueva Limited Edition Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Shafer TD9

Shafer TD9

            Shafer TD9 นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่ได้รับความสนใจและความนิยมเป็นอย่างมากในระดับแถวหน้าของวงการไวน์ โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชิ้นงามที่ถูกสร้างสรรค์และถูกผลิตขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังในแถบทวีปอเมริกาเหนืออย่าง Shafer โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้เป็นแบรนด์ไวน์ที่มีไร่องุ่นและโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเอง ซึ่งฐานการผลิตนี้ตั้งอยู่ในเขตการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่าง Napa Valley ที่อยู่ทางด้านตอนเหนือของซานฟรานซิสโกในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนอยู่พอสมควร เนื่องจากไวน์ชนิดนี้ทางผู้ผลิตจะมีการเลือกใช้องุ่นถึงสามสายพันธุ์ด้วยกัน โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกใช้และอัตราส่วนที่นำมาเพื่อผลิตไวน์ชนิดนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Merlot 56%, Cabernet Sauvignon 23% และองุ่นสายพันธุ์ Malbec อีก 21% ด้วยกัน ซึ่งองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตนั้น จะถูกเก็บเกี่ยวในช่วงประมาณกลางเดือนกันยายนของทุกปี และพวกเขาก็จะนำองุ่นเหล่านี้ไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสชั้นเยี่ยมขนาด 60 แกลลอนเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 20 เดือนด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ก็ยังถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะที่น่าชวนให้นักดื่มทั้งหลายอยากที่จะมาลิ้มลองไวน์ชนิดนี้กันได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติของไวน์ล้วนมีมนต์เสน่ห์กันแทบทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีแดงเข้มราวกับสีของทับทิมอย่างดี อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่เข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นกลิ่นที่หอมหวานราวกันกับกลิ่นน้ำหอมชั้นดี ซึ่งกลิ่นที่โดดเด่นของไวน์ชนิดนี้ ได้แก่ กลิ่นของพายเชอร์รี่ กลิ่นผลเบอร์รี่สีดำ กลิ่นของสตรอเบอร์รี่ และกลิ่นของดิน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสชาติของไวน์ที่ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยความหวานหอมและความเข้มข้นของผลไม้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่จะมีรสชาติที่กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เมื่อไวน์ชนิดนี้ถูกเก็บเกี่ยวในช่วงที่สภาพอากาศอยู่ที่ประมาณ 23.5-25.5 องศาเซลเซียสและมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 15.3%

Shafer TD9

Shafer TD9

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

            Allegrini Palazzo della Torre Veronese นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความน่าสนใจและได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมากในแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยจิตวิญญาณและประสบการณ์จากแบรนด์ไวน์ชั้นเยี่ยมอย่าง Allegrini ที่เป็นแบรนด์ไวน์ที่เกิดจากการผลิตจากตระกูลชาวอิตาเลียนแท้ใบแถบบริเวณ Valpolicella Classico หรือที่ใครหลายคนเรียกกันด้วยอีกชื่อว่า Verona ของเมือง Veneto ในเขตแดนทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์คุณภาพอีกยี่ห้อหนึ่งเนื่องจากมีการดูแลการผลิตกับ IGT หรือการแบ่งเกรดของไวน์ชนิดต่างๆของไวน์สัญชาติอิตาเลียน โดยไวน์ชนิดนี้จะอยู่ในระดับเดียวกันกับไวน์ชั้นเยี่ยมของประเทศฝรั่งเศสเลยทีเดียว ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับเกณฑ์ที่ดีมาก โดยไวน์ชนิดนี้ทางผู้ผลิตจะนำองุ่นมาใช้ในการผลิตเพียงแค่สายพันธุ์เดียวด้วยกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Corvina ซึ่งเป็นสายพันธุ์องุ่นที่มีชื่อเสียงในประเทศอิตาเลียน นับได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยนิยมนำมาใช้ในการผลิตไวน์ที่เห็นกันในระดับโลกเท่าไหร่นัก แต่ว่ากลับเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ช่วยเสริมให้สีของเนื้อสัมผัสและรสชาติละมุนและเบาบางมากยิ่งขึ้น โดยทางผู้ผลิตจะทำการนำองุ่นทั้งหมดที่ผ่านการเก็บเกี่ยวอย่างดีแล้วไปหมักลงในถังไม้เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีเลยทีเดียว

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่ค่อนข้างมีรสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นที่ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ค่อนข้างน่าสนใจอย่างมาก เริ่มต้นด้วยส่วนของสีของเนื้อสัมผัสของไวน์ชนิดนี้ที่เป็นสีแดงสดราวกับสีของทับทิมสวยงามอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างเข้มข้นไปด้วยผลไม้สีเข้มตากแห้งหลากหลายชนิด เช่นผลเบอร์รี่สีดำหรือผลเคอร์แรนสีดำที่ผสานตัวกันกับกลิ่นของมะพร้าวได้อย่างลงตัว ซึ่งก็สอดคล้องกับรสสัมผัสที่มีความเบาบางและมีระยะเวลาของสัมผัสที่ติดลิ้นยาวนานอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความน่าสนใจและความโดดเด่นในด้านของกลิ่นและรสชาติที่มีทั้งความละมุน นุ่มนวลและความหวานอย่างดี มีเอกลักษณ์จากผลไม้สีเข้มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลเบอร์รี่และเคอร์แรนที่ชวนให้น่าลิ้มลองอย่างยิ่ง ซึ่งนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.85% ด้วยเช่นกัน

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

Allegrini Palazzo della Torre Veronese

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

            Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore นับได้ว่าเป็นไวน์แดงอีกรุ่นหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Prodere Grattamacco หรือที่ใครหลายคนจะเรียกสั้นๆว่า Grattamacco ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์แห่งที่สองที่ถูกสร้างและก่อตั้งขึ้นมาในเมือง Bolgheri Superiore ในเมือง Toscana ของประเทศอิตาลี ซึ่งในทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่ถูกดูแลโดยครอบครัว Tipa-Bertarelli

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างน่าสนใจและศึกษาอยู่พอสมควร เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างซับซ้อนและประณีตอยู่พอสมควร เริ่มต้นด้วยที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกสรรวัตถุดิบด้วยการใช้องุ่นถึงสี่สายพันธุ์ด้วยกัน และการใช้องุ่นในการผลิตแต่ละสายพันธุ์ก็มีอัตราส่วนที่แตกต่างกันอีกด้วย โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้ตัดสินใจเลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 60%, Cabernet Franc 20%, Merlot 20% และองุ่นสายพันธุ์ Sangiovese อีก 10% ด้วยกัน ซึ่งองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้มีการเลือกใช้นั้นทางผู้ผลิตจะนำไปหมักลงในถังไม้บาร์เรลเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18 เดือนด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่ชวนให้ลิ้มลองอยู่พอสมควร เนื่องด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตั้งแต่สีของเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ล้วนชวนให้น่าสนใจแทบทั้งสิ้น เริ่มต้นด้วยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสีแดงเข้มราวกับสีของทับทิม บวกกันกับไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างหอมหวานและบางเบาไปด้วยกลิ่นของดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานกันกับกลิ่นของผลเชอร์รี่ตากแห้งและกลิ่นของเครื่องหนังชั้นดี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเข้มข้นของน้ำผลไม้และมีความน่ามหัศจรรย์ไปด้วยรสชาติของผลไม้สีแดงมากมายหลากหลายชนิดด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่ามีความสมบูรณ์และน่าลงตัวอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเป็นที่ประทับใจของใครหลายคนที่ชื่นชอบในความหวานและเบาบางที่ลงตัว เป็นไวน์ที่ถ่ายทอดกลิ่นอายและบรรยากาศของผลไม้และดอกไม้หลากหลายชนิดที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง เครื่องในสัตว์และอาหารจานเดียวอย่างพาสต้าอีกด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยเช่นกัน

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

Castello Colle Massari Grattamacco Bolgheri Superiore

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

            Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon นับได้ว่าเป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยมที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในระดับแนวหน้าของโลก โดยเฉพาะบริเวณทวีปอเมริกาใต้ โดยแบรนด์ไวน์ที่ผลิตและรังสรรค์ไวน์ชนิดนี้ขึ้นมาด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานก็คือแบรนด์ไวน์ดังอย่างPatagón  ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่ย่านชุมชนที่มีชื่อในด้านการผลิตไวน์ที่ยอดเยี่ยมมาอย่างมากมายอย่าง Curico Valley ในใจกลางของประเทศชิลี ซึ่งนับได้ว่าเป็นสถานที่ผลิตไวน์ที่มีขนาดใหญ่กว่า 115 ไมล์หรืออยู่ที่ประมาณ 185 กิโลเมตรด้วยกัน

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ค่อยซับซ้อนมากนัก เนื่องจากไวน์ชนิดนี้จะเป็นไวน์ที่ทางผู้ผลิตจะมีการเลือกสรรองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้นที่นำมาใช้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon แท้ 100% ซึ่งนับได้ว่าเป็นไวน์ยอดนิยมใช้ในการผลิตไวน์แดงทั่วโลก โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกมานั้นจะต้องผ่านการเก็บเกี่ยวในช่วงท้ายเดือนเมษายนด้วยการเก็บเกี่ยวด้วยมือเท่านั้นและผ่านการคัดเลือกถึงสองครั้งด้วยกัน หลังจากนั้นไวน์ชนิดนี้ก็ยังนำองุ่นทั้งหมดไปบ่มเป็นระยะเวลากว่า 25-30 วัน โดยในช่วง 48 ชั่วโมงแรกนั้นจะมีการควบคุมอุณหภูมิที่ค่อนข้างเข้มงวดด้วยอุณหภูมิประมาณ 15 องศาเซลเซียสหรืออยู่ที่ประมาณ 59 องศาฟาเรนไฮต์ด้วยกัน หลังจากนั้นทางผู้ผลิตก็จะนำองุ่นที่ผ่านกระบวนการบ่มแล้วไปหมักต่อลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสใบใหม่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 18-24 เดือนด้วยกัน

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะและเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของสีเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ดีงามอย่างมาก เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อไวน์ที่เป็นสีม่วงแกมแดงเข้มสวยงามอย่างมาก บวกกันกับไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างเข้มข้นและซับซ้อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของลูกพลัม ผลเชอร์รี่ ชะเอมเทศ วานิลลาและโกโก้อย่างดี ซึ่งถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีโครงสร้างของเนื้อสัมผัสไวน์ที่มีความชัดเจนในองค์ประกอบและมีความหวานอมเปรี้ยวจากสารแทนนินอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างชวนให้ลิ้มลองเป็นอย่างยิ่ง เริ่มต้นด้วยกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่ค่อนข้างเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวจากองค์ประกอบที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นชะเอมเทศ สารแทนนิน เชอร์รี่ ลูกพลัม วานิลลาและโกโก้อย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14% ด้วยกัน

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

Patagón Family Reserve Limited Edition Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

            Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวชั้นเยี่ยมที่ได้รับความยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มในระดับต้นของโลกอย่างยิ่ง โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์หรือผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Villa Maria ที่นับได้ว่าเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีอายุของแบรนด์มานานกว่าครึ่งศตวรรษที่มีความสามารถจนสามารถเฉิดฉายในระดับแถวหน้าของโลกได้ โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่เมือง Marlborough ซึ่งอยู่บริเวณเกาะทางตอนใต้ของประเทศนิวซีแลนด์

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ขาวคุณภาพคับขวดที่มีกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มีความซับซ้อนแต่กลับสามารถถ่ายทอดกลิ่นอายและรสชาติของไวน์ได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มแรกทางผู้ผลิตนั้นได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Sauvignon Blanc แท้ 100% มาใช้ โดยองุ่นทั้งหมดที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้นจะมีการเก็บเกี่ยวขึ้นมาในช่วงฤดูหนาวเท่านั้นเพื่อทำให้กลิ่นของไวน์นี้ชัดเจน หลังจากนั้นทางผู้ผลิตจะมีการใส่กลิ่นของผลเบอร์รี่เล็กน้อย เพื่อให้ไวน์มีกลิ่นที่หลากหลายและมีความสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยจะถูกหมักลงในถังไม้ตลอดช่วงฤดูร้อน จนทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความแห้งมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะภายนอกที่น่าสนใจอยู่อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดแก่นักดื่มอยู่พอสมควรด้วยกัน เริ่มต้นด้วยเนื้อสัมผัสภายนอกที่ไวน์ชนิดนี้จะมีสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเหลืองใสราวกับสีของฟางข้าวสวยงามที่ผสานกันกับสีเนื้อสัมผัสที่เป็นสีเขียวนวลอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นของไวน์ที่ค่อนข้างชัดเจนไปด้วยกลิ่นของเบอร์รี่หลากหลายชนิดที่ผสานกันกับเสาวรส ผลส้มสด เมล่อนและสมุนไพรนานาชนิดด้วยกัน ซึ่งรสชาติของไวน์นี้ก็แทบจะไม่ค่อยแตกต่างจากกลิ่นของไวน์มากนัก เนื่องด้วยรสชาติของไวน์นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยรสของน้ำผลไม้ที่ค่อนข้างชัดเจนเหนือองค์ประกอบชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นไวน์ขาวที่มีความชัดเจนในองค์ประกอบและความเปรี้ยวของไวน์ที่แทรกมาอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้ถือได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าดึงดูดเป็นอย่างดียิ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติที่ให้กลิ่นอายของความสดใหม่ เบาบาง ชัดเจนและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวานอมเปรี้ยวได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของเสาวรส ผลเบอร์รี่หลากหลายชนิดด้วยกัน ที่ผสานกันกับกลิ่นและรสชาติของเมล่อน ผลส้มสดและสมุนไพรอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อสัตว์ทะเล อาหารมังสวิรัติและชีสจากนมแพะอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ไวน์ชนิดนี้ยังนับได้อีกว่าเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 12.5% ด้วยกัน

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

Villa Maria Private Bin Sauvignon Blanc Marlborough

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

            Toscana Tenuta San Guido Guidalberto นับได้ว่าเป็นไวน์ชื่อดังยอดนิยมและเป็นที่ชื่นชอบของนักดื่มไวน์ทั่วโลก โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์และผลิตขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Tenuta San Guido ซึ่งเป็นแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงและมีโรงกลั่นไวน์เป็นของตัวเอง โดยแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นแบรนด์ไวน์ที่ถูกส่งตรงมาจากแถบการผลิตไวน์คุณภาพอย่าง Toscana ของประเทศอิตาลี

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว เริ่มต้นด้วยการคัดเลือกสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้มีการนำองุ่นสองสายพันธุ์ที่สำคัญมาใช้ในการผลิตในครั้งนี้ โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้น ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon และองุ่นสายพันธุ์ Merlot โดยอัตราส่วนที่ใช้ในแต่ละสายพันธุ์ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน เริ่มด้วยองุ่นสายพันธุ์ cabernet Sauvignon ที่ใช้เป็นหลักที่ 60% ส่วนที่เหลืออีก 40% นั้นจะเป็นส่วนที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้องุ่นสายพันธุ์ Merlot เพื่อเพิ่มความหลากหลายของไวน์ให้มากยิ่งขึ้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้นทางผู้ผลิตจะเลือกใช้นั้นจะผ่านการเก็บเกี่ยวในช่วงต้นเดือนกันยายนของทุกปี อีกทั้งยังนำองุ่นเหล่านี้มาหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์ฝรั่งเศสเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 15 ปีด้วยกัน แต่ว่าการหมักจะไม่ใส่องุ่นทั้งหมดลงไปในถังนี้ทีเดียว แต่จะมีการแบ่งองุ่นในปริมาณที่น้อยเพื่อเอาไปหมักลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกันชั้นเยี่ยมอีกด้วย หลังจากที่องุ่นทั้งหมดผ่านการบ่มอย่างดีแล้ว

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้เมื่อผ่านกระบวนการผลิตและนำมาบรรจุลงในภาชนะแล้ว ก็ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีลักษณะภายนอกของไวน์ที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกลิ่น เนื้อสัมผัสและรสชาติของไวน์ เริ่มต้นด้วยสีของเนื้อไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติของไวน์ที่มีความหลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นและรสชาติของลูกสนที่ผสานกันกับสารแทนนินและผลไม้สีแดงนานาชนิดด้วยกัน นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ให้กลิ่นอายของความวินเทจ ความคลาสสิกเก่าแก่และความอบอุ่นที่ผสมลงตัวกันได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและให้บรรยากาศของความอบอุ่นและความมีชีวิตชีวาของเนื้อสัมผัสได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานไวน์ชนิดนี้ควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่นเนื้อไก่และเนื้อเป็ด เครื่องในสัตว์และเนื้อหมักอย่างดี อีกทั้งไวน์ชนิดนี้จะยิ่งมีรสชาติที่ยอดเยี่ยมมากยิ่งขึ้นเมื่อมีการเสิร์ฟที่อุณหภูมิประมาณ 12-14 องศาเซลเซียสด้วยกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% ด้วยกัน

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

Toscana Tenuta San Guido Guidalberto

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro จัดเป็นไวน์แดง ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นที่ใช้เป็นองุ่นพันธุ์ Tempranillo ที่ถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic ถูกบ่มในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กสายพันธุ์อเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามมากสำหรับ Pintia นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสง่างามภายในความเรียบง่ายของโซนนี้

ไร่ Vega Sicilia ตั้งอยู่ในเขต (Ribera del Duero ของแคว้น Castilla y Leon ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศสเปน ซึ่งเป็นเขตผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงของสเปน ไวน์ Vega Sicilia  เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อปี 1929 เป็นต้นมา หลังจากวินเทจ 1917 และ 1918 ได้รับรางวัลจากงาน  World Fair 1929 ที่เมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ขณะที่ Domingo ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จนเสียชีวิตในปี 1933 และปี 1982 ตระกูล  Alvarez เจ้าของธุรกิจหลายอย่าง เข้ามาซื้อ Vega Sicilia  พร้อมกับปรับปรุงครั้งใหญ่ ทำให้รสชาติของ Vega Sicilia ดีขึ้นเป็นลำดับ Vega Sicilia จะใช้องุ่น Tempranillo ซึ่งใน Ribera del Duero เรียกว่า Tinto Fino or Tinto Pais ซึ่งเป็นองุ่นแดงประจำชาติของสเปนเป็นหลักประมาณ 80 % นอกนั้นเป็นองุ่นฝรั่งเศส เช่น Cabernet Sauvignon ประมาณ 15 % นอกนั้นเป็น Merlot และ Malbec ส่วน Carmenere และ Pinot Noir ที่ปลูกในยุคแรก ๆ ไม่มีการปลูกแล้ว ไวน์ Vega Sicilia จะถูกบ่มไว้ในถังโอ๊กนานนับ 10 ปี ทำให้รสชาติมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเมื่ออยู่ถังไม้โอ๊กขนาดใหญ่ครบ 1 ปีแล้ว จะถ่ายไปบ่มต่อในถังโอ๊กขนาดเล็กซึ่งเป็นโอ๊กใหม่อีก 2 ปี ขั้นตอนนี้ในปีแรกไวน์จะถูก Racking 4 ครั้ง ซึ่งการถ่ายไวน์จากถังหนึ่งไปยังอีกถังหนึ่ง โดยทิ้งตะกอนไว้ที่ถังเดิม เป็นการทำให้ไวน์ใสโดยธรรมชาติ และจะทำในขั้นตอนการบ่มไวน์  ปีที่ 2 จะทำ Racking อีก 2 ครั้ง  จากนั้นถ่ายไปบ่มต่อในถังอีกเก่าอีก  4 ปี จึงบรรจุขวด แล้วบ่มในขวด อีก 2-3 ปี จึงวางตลาด

ทำได้โดยการปรับวันที่เก็บเกี่ยวอย่างละเอียดเพื่อรักษาความสดของกลิ่นหอมและความเป็นกรดของไวน์ องุ่นถูกเก็บระหว่างวันที่ 26 กันยายนถึง 10 ตุลาคม และหมักหลังจากแช่เย็น Malolactic เกิดขึ้นในถังฝรั่งเศส 70% ไม้โอ๊กอเมริกัน 25% และถังไม้ฮังการี 5% เป็นปีที่สง่างามยิ่งขึ้นสำหรับ Pintia เนื่องจากวินเทจที่เท่กว่ามักจะช่วยปรับสมดุลพลังธรรมชาติของ Toro นอกจากนี้ยังเป็นปีที่เบากว่าด้วยความสดชื่นที่ดี และสิ่งนี้แสดงให้เห็นเส้นด้ายบางๆ บนเพดานปากและมีพื้นผิวที่สวยงาม สง่างามภายในความเรียบง่ายของโซน

Vega Sicilia Pintia Toro

Vega Sicilia Pintia Toro

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com