Sheridan’s coffee layered liqueur

Sheridan’s coffee layered liqueur

Sheridan’s coffee layered liqueur เป็นเหล้าจาก Gilbeys of Ireland ที่มีความแปลกและมีความพิเศษกว่า  เหล้าอื่นๆเท่าที่เคยพบเห็นมา เนื่องจากเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่เกิดจากการผสมรวมกันของเครื่องดื่ม ได้แก่กาแฟผสมช็อกโกแลตที่รวมกันกับเหล้าวิสกี้ นอกจากนี้ นักปรุงเหล้ายังมีการเติมครีมวานิลลาเพื่อเพิ่มความหอมหวานแก่เหล้าชนิดนี้อีกด้วย 

โดยเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นที่หอมหวานมาก มีกลิ่นของของเหลวสีดำทั้งกาแฟ ช็อกโกแลตและเหล้าที่ผสมรวมกันได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้ เหล้าชนิดนี้ยังมีกลิ่นที่หอมละมุนของครีม ซึ่งการรวมกันเหล่านี้จะทำให้มีกลิ่นที่หอมดีกว่ากลิ่นกาแฟอย่างเดียว

นอกจากกลิ่นแล้ว รสชาติของ Sheridan’s coffee layered liqueur ก็นับได้ว่ามีความหอมหวานไม่แพ้กัน เป็นรสที่ไม่แย่มาก นับได้ว่าดีเลยทีเดียว โดยเหล้านี้จะมีรสสัมผัสของช็อกโกแลตและกาแฟที่ค่อนข้างอยู่ในเกณฑ์มากที่แบ่งเป็นชั้นๆกับรสสัมผัสของเหล้าที่เข้มข้น นักปรุงเหล้าจึงการเติมน้ำตาลเข้าไปเพื่อลดความเข้มข้นของเหล้าอีกด้วย

โดยรวมแล้วนับได้ว่าเหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติและกลิ่นที่ดีเยี่ยมเป็นอย่างดียิ่ง และเป็นเหล้าที่มีเอกลักษณ์อย่างดี รวมทั้งยังเป็นเหล้าดื่มได้ง่าย สามารถเข้าถึงนักดื่มได้ทุกคน นอกจากนี้ยังมีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 15.5% ซึ่งนับว่าน้อยมากอีกด้วย

 

Sheridan's coffee layered liqueur image

Sheridan’s coffee layered liqueur

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Malibu Caribbean rum with coconut liqueur

Malibu Caribbean rum with coconut liqueur

Malibu Caribbean rum with coconut liqueur เป็นเหล้ารัมที่ถูกออกแบบขึ้นมาให้เป็นค็อกเทลแบบ All in one เป็นเหล้าที่ใช้ปริมาณวัตถุดิบค่อนข้างน้อยและต่ำมาก แต่กลับมีรสชาติและกลิ่นที่โดดเด่นกว่าเหล้าที่ใช้วัตถุดิบที่ราคาแพงเสียอีก

เหล้าชนิดนี้เป็นเหล้าที่มีกลิ่นที่หอมหวานและถูกเติมเต็มไปด้วยกลิ่นของมะพร้าวอย่างชัดเจน นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังมีกลิ่นอายของเหล้ารัมที่ผสมรวมกันกับกลิ่นของมะพร้าว ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของเหล้านี้ นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังมีกลิ่นหอมจางๆของกล้วยหอมอีกด้วย

นอกจากกลิ่นที่หอมหวานแล้ว รสชาติของเหล้าชนิดนี้ก็นับได้ว่าเป็นเหล้าที่มีมะพร้าวเป็นศูนย์กลาง มีรสชาติที่หอม หวาน มันจากมะพร้าว นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังมีรสชาติของผลไม้ที่หลากหลายชนิดทั้งสับปะรด ผลไม้อบแรงดัน มะม่วงและกล้วยหอมพันธุ์จากมาลิบู ซึ่งนับได้ว่าเป็นความลงตัวที่พอดี

โดยรวมแล้วนับได้ว่า Malibu Caribbean rumนี้เป็นเหล้าที่มีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวาน โดยมีลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์จากมะพร้าว มีความหวานที่ลงตัวกับความเข้มข้นของเหล้ารัมได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังมีการผสมผลไม้จำพวกสับปะรด ผลไม้อบไอน้ำ และมะม่วงด้วย นอกจากนี้เหล้าชนิดนี้ยังเป็นเหล้าที่มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 21% ด้วย

Malibu Carribean rum with coconut liquer
Malibu Caribbean rum with coconut liqueur

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

ABERLOUR 12 YEAR OLD Double Cask Matured

ABERLOUR 12-YEAR-OLD Double Cask Matured

เป็นวิสกี้ที่ยอดเยี่ยมและยังเป็นทางเลือกยอดนิยมมาโดยตลอด โดย Aberlour 12 – year
นี้เป็นวิสกี้ประเภทซิงเกิล มอลต์ ที่อยู่ในเขต Speyside ซึ่งจะมีทั้งการบ่มในถังไม้โอ๊คแบบดั้งเดิม
และถังเหล้าเชอร์รี่และยังอุดมไปด้วยผลไม้นานาชนิด

มีปริมาณแอลกอฮอล์ 40% (40% ABV)
กลิ่นของวิสกี้ตัวนี้ จะมีความรู้สึกถึงกลิ่นของอบเชยบนขนมปังเนยที่เข้มข้นไปด้วยลูกเกด
และยังให้สัมผัสถึงกลิ่นของแมกไม้ฝาดๆ เกลซเชอร์รี่ และถ่านบาร์เรล อีกทั้งยัง

สำหรับรสชาติของ ABERLOUR นั้นนับได้ว่ามีความกลมกล่อมเป็นอย่างดี จะออกรสของเนยเหลวนำ
ผสมผสานกับน้ำเชื่อมเมเปิ้ล น้ำตาล ลูกเกดอวบอ้วน ลูกจันทน์เทศ ช็อกโกแลตรสนม
และยังรวมถึงรสชาติที่หอมกลิ่นรมควันอีกด้วย

วิสกี้ชนิดนี้ มีความหวานของเชอร์รี่และมีความอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ในระดับดีเลยทีเดียว
แม้ว่าจะไม่ได้มีมากจนเกินไป อีกทั้งยังมีสัมผัสของกลิ่นถ่านขมๆในสัมผัสแรกที่ลิ้มลอง
ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความหวานที่สร้างความสมดุลได้อย่างดีเยี่ยม

ABERLOUR 12 YEAR OLD Double Cask Matured
ABERLOUR 12 YEAR OLD Double Cask Matured

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Montes Alpha Cabernet Sauvignon

Montes Alpha Cabernet Sauvignon

 

ไวน์ชนิดนี้มาจาก Colchagua Valley ประเทศชิลี โดยประกอบไปด้วยองุ่นมีสองพันธุ์

นั่นคือ Cabernet Sauvignon 90% และ Merlot 10%ในกระบวนการผลิตนั้นใช้เวลา

ในการเก็บเกี่ยวช่วงปลายมีนาคมจนถึงช่วงกลางพฤษภาคม เมื่อเก็บเกี่ยวแล้วจึงนำมาเก็บและอัด

ให้แน่นในภาพที่ดีเยี่ยม ก่อนนำไปหมัก รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่เกิดจากการหมักในถังโอ้กฝรั่งเศส

ที่มีอายุเล็กน้อยทั้งสามถัง โดยหมักองุ่นเพียงแค่ 55% ต่อครั้งเท่านั้นยาวนานกว่า 12 เดือน

ซึ่งทำให้ไวน์นี้มีอายุของไวน์มากกว่า 10 ปี โดยไวน์ชนิดนี้เกิดจากการรังสรรค์และการรวมความคิด

ในการปรุงแต่งไวน์ชนิดใหม่โดยบุคคลทั้งสองท่าน ได้แก่ Aurelio Montes และ Douglas Murray

ซึ่งเป็นนักปรุงไวน์ที่ล้วนมีชื่อเสียงและมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน โดยองุ่นที่ใช้ในกรรมวิธีการผลิตนั้น

ก็เป็นองุ่นที่ถูกคัดแค่เอาพันธุ์ที่ดีที่สุดจากไร่องุ่นของตัวเองมาทำด้วยเช่นกัน

ด้วยไวน์นี้มีสีแดงทับทิมที่เข้มข้น โดยไวน์ชนิดนี้มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ

ขององุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon ไว้อย่างเข้มข้นและรุนแรง รวมทั้งยังมีกลิ่นขององุ่น

ที่มีสีน้ำตาลเจือจางด้วย นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นของมะกอกสีเขียว รวมทั้งยังมีกลิ่นของผล

ไม้สีดำจางๆแลพกลิ่นของโอ้กจางๆที่มีความคลาสสิก

รวมทั้งยังมีกลิ่นต้นสนและกลิ่นของไม้เผาไว้ด้วย

ในส่วนของรสชาตินั้น ไวน์นี้เต็มไปด้วยรสของสตรอเบอร์รี่สุกแบล็กเคอร์แรนท์ลูกเกดสีดำ

ผลไม้หวาน ยังรวมถึง ท๊อฟฟี่ และช็อกโกแลตสร้างความซับซ้อนให้กับรสชาติที่เข้มข้นในปาก

หลังชิมไวน์ตัวนี้แล้วจะสร้างความสมดุลให้กับผิวได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นไวน์ชั้นเลิศที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่ง

เพื่อใช้สร้างความบันเทิงได้ในอนาคต อีกทั้งกลิ่นหอมของครีมและผลไม้ที่ให้ความรู้สึกที่ดีอย่างยาวนาน

แนะนำเป็นอย่างยิ่งสำหรับจิบไวน์ Montes Alpha Cabernet Sauvignon คู่กับเนื้อแดง

เนื้อมองโกเลีย สปาเก็ตตี้โบโลเนสซอส ชีส และซี่โครงเนื้อแกะกับซอสเห็ด

และควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 17 – 19 องศาเซลเซียส หรือที่ประมาณ 62-66 องศาฟาเรนไฮต์อีกด้วย

ใดยไวน์ชนิดนี้แนะนำว่าควรที่จะรินเตรียมไว้ในแก้งหรือภาชนะที่ใช้ดื่มอย่างน้อย 30 นาที

เพื่อที่จะรักษาและทำให้กลิ่นกับรสชาติดีที่สุด

นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับ 14.3% อีกด้วย

Montes Alpha Cabernet Sauvignon
Montes Alpha Cabernet Sauvignon

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Escudo Rojo

Escudo Rojo

            Escudo Rojo คือการผสมผสานที่ดีเยี่ยมของกลุ่มองุ่นพันธ์ดั้งเดิมทั้งหลาย

โดยมีกระบวนการผลิตอันประกอบไปด้วย

Cabernet Sauvignon 40%, Camenere 38%, Syrah 20% และ Cabernet Franc 2%

ซึ่งได้รับการคัดเลือกและหมักไว้ในถังไม้โอ๊คนานถึง 12 เดือน

ในร้านขายของชำBaron Phillippe de RosthschildMaipo ที่ Valle Centralประเทศชิลี

ปีแล้วปีเล่า โดยที่การผสมผสานของวัตถุดิบจะทำเป็นรอบๆ ค่อนข้างซับซ้อน

และเข้มข้น มีปริมาณแอลกอฮอล์ 14% โดยไวน์ชนิดนี้เกิดจากการ

ปรุงแต่งโดย Baron Philippe de Rothschild Maipo ซึ่งเป็นนักปรุงไวน์ให้กับ Chile

และเขาก็ได้เลือกไร่องุ่นที่มีชื่อว่า Valle Central ซึ่งเป็นไร่องุ่นที่ช่วยทำให้องุ่น

มีกลิ่นและรสชาติที่มีความแตกต่างจากไร่องุ่นอื่นโดยสิ้นเชิง รวมทั้งยังทำให้รสและกลิ่น

ของไวน์องุ่นมีความซับซ้อนมากขึ้น เนื่องจากไร่องุ่นที่นี่,ได้รับสารอาหารมาจากดินเหนียวที่ไร่

องุ่นที่นี่ใช้อีกด้วย นอกจากเอกลักษณ์ที่ได้กล่าวไปแล้ว ไวน์ชนิดนี้ยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง

ซึ่งเป็นจุดเด่น ได้แก่ การเก็บองุ่นด้วยมือเท่านั้น  และจะคัดองุ่นด้วยฝีมือมนุษย์เท่านั้น

เพื่อคุณภาพของไวน์ที่ดีที่สุด

                ไวน์ตัวนี้มีสีแดงเข้มและสีม่วงเข้มที่มีเงาแวววับสะท้อนสว่าง และมักจะมีภาพรวมของกลิ่น

ของผลไม้สุกสีแดงและกลิ่นหอมของผลไม้สีดำ รวมถึงกลิ่นอ่อนๆของขนมปังเฮเซลนัท

นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นที่มีความหอมฟุ้งกระจาย รวมทั้งยังมีกลิ่นไวน์ที่ซับซ้อนและเข้มข้น

โดยกลิ่นแรกที่เปิดออกมาคือกลิ่นที่เข้มข้นของแบลกเบอร์รี่ แบลกเชอร์รี่และกลิ่นสตรอเบอร์รี่ป่า

หลังจากนั้น ไวน์ชนิดนี้จะมีกลิ่นของเนื้อแบลกเบอร์รี่กับกลิ่นของถั่วอัลมอนด์และกลิ่นของ

การแฟคั่วตามมา ซึ่งเป็นกลิ่นอายที่มีความร่วมสมัยแฝงอยู่

ด้วยความเข้มข้นที่ลึกซึ้งจากองุ่นพันธ์ต่างๆ ทำให้มีรสชาติที่นุ่มนวล ละมุน

ซึ่งตรงข้ามกับกลิ่นที่แสดงออกมาอย่างสิ้นเชิง ด้วยรสที่สมบูรณ์แบบของราสเบอร์รี่

แบล็คเคอร์แรนท์ผสมผสานกับกลิ่นพริกไทยดำที่มีรสเผ็ด รวมถึงความกลมกล่อมขององุ่น

Cabernet, Syrah และCamenere โดยรสชาติที่สามารถสัมผัสได้เมื่อนักดื่มได้ลิ้มลองไวน์

ชนิดนี้คือความนุ่มนวลและความเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ทั้งหลาย ทั้งราสเบอร์รี่ แบลกเบอร์รี่

สตรอเบอร์รี่ป่า และบิลเบอร์รี่ ซึ่งเป็นเบอร์รี่สีฟ้าเข้มที่พบได้แค่เฉพาะพื้นที่ทางยุโรปตอนเหนือเท่านั้น

หลังจากนั้นไวน์ชนิดนี้จะมีความนุ่มที่มียิ่งขึ้นไปอีกและความซับซ้อนจากผิวของผลไม้ดำทั้งหลาย

และจบท้ายด้วยรสสัมผัสที่มีรูปแบบเฉพาะตัวจากรสสัมผัสที่เหมือนกับขนมปังปิ้ง กาแฟ

และรสของดอกไม้หอมต่างๆ ซึ่งรสชาติทั้งหมดนั้น ผสมรวมตัวกันได้อย่างพอเหมาะพอ

เจาะและมีความร่วมสมัย และความสมบูรณ์แบบ นอกจากนั้นยังเป็นไวน์ที่มีความกลมกล่อม

และมีพลังที่ถ่ายทอดความเป็นท้องถิ่นที่ผลิตไวน์นี้อีกด้วย

ปิดท้ายด้วยการทานคู่กับอกเป็ดอบซอสเครื่องเทศ และพริกไทยเสฉวน

รวมถึงเนื้อแกะ เค้กช็อคโกแลตกับชีส  และควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 16 – 17 องศาเซลเซียส

 

Escudo Rojo
Escudo Rojo

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Robert Mondavi Winery Napa Valley Cabernet Sauvignon

Robert Mondavi Winery Napa Valley Cabernet Sauvignon

ไวน์ชนิดนี้ผลิตจากนาป้า วัลเลย์  (Napa Valley) ซึ่งอยู่ที่รัฐซาน ฟราซิสโก ในประเทศสหรัฐอเมริกา

ซึ่งมีกระบวนการผลิตโดยทำมาจากองุ่น ที่มาจากการผสมจากหลากหลายพันธ์

คือ Cabernet Sauvignon 86%, Merlot 10%, Petit Verdot 2%,Cabernet Franc 1%,

Malbec 0.5% และ Syrah 0.5%โดยองุ่นนั้นได้ถูกเก็บเกี่ยวและ เรียงไว้อย่างรอบคอบในห้องใต้ดิน

โดยองุ่นทั้งหมดที่ใช้ในกรรมวิธีการผลิตไวน์นี้ จะต้องเกิดจากการคัดเลือกมาจากองุ่น

ที่มีคุณภาพมากที่สุดที่มาจากไร่องุ่น Oakville และไร่องุ่น  Wappo Hill เท่านั้น

โดย ก่อนที่จะมีเริ่มกระบวนการผลิตซึ่งจากการผสมผสานขององุ่นได้ผ่าน

การทดลองชิมมากกว่า 18  เดือนของอายุบาเรล โดยเป็นการนำลักษณะเฉพาะตัวของไวน์จากย่านชุมชน Napa Valley

ที่มืชื่อเสียงในการหมักไวน์มาหลายปี จึงทำให้ไวน์ชนิดนี้มีความดั้งเดิมแบบคลาสสิกและมีกลิ่นอายของ

ความดั้งเดิมแฝงอยู่อย่างสมบูรณ์และน่ามหัศจรรย์ และไวน์ชนิดนี้ได้เกิดจากการสร้างสรรค์และปรุงแต่ง

โดย Robert Mondavi นักปรุงไวน์ชื่อดังที่สร้างสรรค์ผลไวน์ไว้หลากหลาย

โดยเฉพาะไวน์ที่มาจากถิ่น Napa Valley แห่งนี้

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์แดงเข้ม สีประหนึ่งกับสีที่เข้มและข้นเหมือนกับสีของหมึกก็ว่าได้

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่หอมเหมือนกันกับไวน์แคสซิสที่เป็นไวน์ที่เกิดจากการหมักลูกเกดดำ

ผสมรวมกันกับกลิ่นของบลูเบอร์รี่ที่รุนแรงและลุ่มลึก นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์

ที่มีรสสัมผัสอันรุนแรงจากแบลกเบอร์รี่ ลูกพลัม และผลไม้สีเข้ม รวมทั้งกลิ่นที่ซับซ้อนของเครื่องเทศ

สมุนไพร และเต็มไปด้วยความแน่นฉ่ำของผลไม้  นอกจากรสชาติเหล่านั้นแล้ว

ไวน์ชนิดนี้ยังมีรสชาติของที่หวานมากๆจากผลไม้สุกต่างๆ รวมทั้งยังมีรสสัมผัสของช็อกโกแลตที่

รวมตัวกันได้เป็นอย่างดี และทำให้ไวน์นี้มีความอบอุ่นที่ตราตรึงใจแก่เหล่านักดื่มทั้งหลายอีกด้วย

นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังมีความเปรี้ยวที่เหมือนกับความเปรี้ยวจากสารเทนนินที่มาตัดกับรสของไวน์

ที่หวานมากได้อย่างลงตัว ทำให้ไวน์ชนิดนี้ไม่ได้มีแค่เพียงความหวานแต่อย่างเดียว โดยรวมแล้ว

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความนุ่มนวลและความรู้สึกที่ดีมากกว่าไวน์ทั้งหลายก็ว่าได้สำหรับเหล่านักดื่ม

หลายๆท่านที่ได้มีประสบการณ์สัมผัสกับไวน์ชนิดนี้ เป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสที่เต็มเปี่ยม

รวมทั้งยังมีรสและกลิ่นอายที่ทันสมัยมากขึ้น

สิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อดื่มไวน์ตัวนี้ คือ การรับประทานคู่กับ เนื้อแกะ เนื้อซี่โครงย่าง เนยแข็ง

เนื้อลูกวัวสับ โดยเฉพาะอาหารจำพวกเนื้อ หมู เนื้อลูกแกะ เป็ด หรือเนื้อสัตว์ที่ได้มาจากการล่า

ต่างๆนั้นล้วนเป็นที่นิยมรับประทานควบคู่กับไวน์ชนิดนี้มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้อาหาร

จำพวกแฮมเบอร์เกอร์ บาร์บีคิว สตูเนื้อ หรืออาหารจากวัฒนธรรมพื้นบ้านเอเชียก็เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง

ที่จะรับประทานควบคู่กับไวน์ชนิดนี้จากคำบอกเล่าของนักปรุงไวน์นี้ นอกจากนี้

ไวน์ชนิดนี้ควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 16 – 18 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิที่เหมาะสมในการดื่มมากที่สุด

อยู่ที่ประมาณ 15.5 องศาเซลเซียส หรืออยู่ที่ประมาณ 60 องศาฟาเรนไฮต์ โดยความเย็นระดับนี้

จะช่วยให้ไวน์มีความสดมากที่สุด นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ควรถูกรินอยู่ในแก้วได้แค่ประมาณ 1-3 ชั่วโมงเท่านั้น

นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ในระดับ 14.5% อีกด้วย โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ
Robert Mondavi Winery Napa Valley Cabernet Sauvignon
Robert Mondavi Winery Napa Valley Cabernet Sauvignon
สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

 

Mouton Cadet Bordeaux

Mouton Cadet Bordeaux

                Mouton Cadet Bordeaux เป็นไวน์บอร์กโดซ์ที่ผลิตจากประเทศฝรั่งเศส

มีปริมาณแอกอฮอล์ประมาณ 12% ซึ่งมีกระบวนการผลิตโดยทำมาจากองุ่นหลากหลายพันธ์

คือ Merlot65% ,CarbanetSayvignon 20% และ Cabernet Franc 15% โดยไวน์ชนิดนี้เกิดจากการหมักองุ่น

ทั้งสามพันธุ์ลงในถังไม้ ทำให้ไวน์ชนิดนี้มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ช่วงประมาณ 12-13% นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้

ยังเกิดจากการรังสรรค์และการคิดค้นโดย Baron Philippe de Rothschild S.A.

มีชื่อเสียงในการออกแบบไวน์ระดับโลก

สีของไวน์จะเป็นสีแดงทับทิมไฮไลท์สีม่วงเงางาม ไวน์ตัวนี้เมื่อเปิดออกกลิ่นจะค่อนข้างแรง

และออกจะเผ็ดซักเล็กน้อย  อีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมและมีเสน่ห์มาจากผลเบอร์รี่สีแดงและสีดำ

ที่มาพร้อมกับกลิ่นของสะระแหน่และแยมสตรอว์เบอรร์รี่ นอกจากนี้ยังมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ที่มิอาจลืมได้

ลงจากกลิ่นหอมของผลไม้ โดยเฉพาะกลิ่นของสตรอว์เบอร์รี่ ราสเบอร์รี่ รวมทั้งยังมีกลิ่นเข้มนิดๆอย่างกลิ่นของไวน์

สาเกมาช่วยตัดความหวานที่มาจากผลไม้ที่มาจากไวน์ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ไวน์ยังมีกลิ่นเปรี้ยวหน่อยๆของเลม่อน

มาช่วยชูกลิ่นของไวน์ให้ดีขึ้นอีกด้วย โดยกลิ่นทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้นเป็นกลิ่นที่ผสมรวมกันได้อย่างสมดุลและลงตัว

นอกจากนั้น ไวน์ชนิดนี้ยังมีการเพิ่มพริกไทยลงไปเพื่อเสริมความเผ็ดและฉุนให้แก่ตัวไวน์แทนที่

จะมีการใส่เครื่องเทศจำพวกอบเชยอย่างที่ไวน์ทั่วไปเป็น

ด้วยโครงสร้างที่ดีของไวน์ตัวนี้ ประกอบกับการสัมผัสรสที่มีเทกเจอร์ที่หลากหลาย

กลมกล่อม แต่กลับสมดุลอย่างน่าประหลาดใจ และยังอุดมไปด้วยผลไม้ที่เน้นรสสัมผัสของชะเอม

ด้วยสัมผัสที่นุ่มลึกยาวนานทำให้ได้รับรสที่รู้สึกถึงความแตกต่างของผลเบอร์รี่รสชาติต่างๆ

นอกจากความสมดุลของไวน์ที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นความงดงามแล้ว ไวน์ชนิดนี้ยังมีความเข้มแข็ง นุ่มนวล

และความตรงไปตรงมาของรสชาติเป็นอย่างดี โดยรสชาติและกลิ่นของไวน์ชนิดนี้มีความเหมือนกันเป็นอย่างมาก

ด้วยรสสัมผัสของผลไม้จำพวกเบอร์รี่ โดยเฉพาะผลไม้สีแดงต่างๆที่มีทำให้ไวน์ชนิดนี้มีเสน่ห์และมีความร่วมสมัย

นอกจากนี้ไวน์ยังมีกลิ่นอายของความคลาสสิกนิดๆจากการเติมเครื่องเทศลงไปเล็กน้อย

เพื่อเพิ่มให้ไวน์ชนิดนี้มีความสดใหม่ รวมทั้งยังมีรสของสมุนไพรมาตัดรสชาติหลักทำให้ไวน์ชนิดนี้

มีรสสัมผัสที่ติดลิ้นยาวนานมากยิ่งขึ้น และยังคงเอกลักษณ์ของไวน์ชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี

เพื่อความสมบูรณ์แบบ ไวน์ตัวนี้ เมื่อดื่ม ควรเติมเต็มด้วยการรับประทานคู่กับ

เนื้อกวาง กระต่าย เป็ด และ เนื้อลูกวัว กับ ซอสเห็ด รวมถึง ปลาทูน่าในซอสไวน์และเนื้อแกะกับผัก

รวมทั้งอาหารญี่ปุ่นอย่างเช่นซูชิก็สามารถทานควบคู่ได้ด้วยเหมือนกัน นอกจากอาหารคาวที่เหมาะสม

ในการรับประทานคู่กับไวน์ชนิดนี้แล้ว ขนมหวานบางชนิดก็มีความเหมาะสมที่จะรับประทานควบคู่กับไวน์เช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นขนมทาร์ตรสราสเบอร์รี่หรือขนมญึ่ปุ่นบางชนิด อีกทั้งควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิ 17-19 องศาเซลเซียส

และไวน์นี้จะมีรสชาติและกลิ่นที่ดีมากยิ่งขึ้นเมื่อไวน์นี้อยู่ในอุณหภูมิที่ 8-10 องศาเซลเซียส

Mouton Cadet Bordeaux
Mouton Cadet Bordeaux

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Trapiche Medalla Cabernet Sauvignon

ไวน์ Trapiche Medalla Cabernet Sauvignon เป็นไวน์ที่มีต้นกำเนิดจากเมือง Mendoza

ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดที่อยู่ในประเทศอาร์เจนติน่า โดยเมืองนี้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งในการผลิตไวน์ระดับโลก

โดยไวน์ชนิดนี้ได้มีการใช้องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon 100% เท่านั้น

โดยองุ่นที่มีต้นกำเนิดจากไร่องุ่นในชุมชนย่าน Cruz de Piedra และ Luján de Cuyo

ซึ่งทั้งสองแห่งนั้นอยู่ในจังหวัด Mendoza ประเทศอาร์เจนติน่า

โดยไวน์ชนิดนี้มีกรรมวิธีในการผลิตที่นำองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon

เท่านั้นมาคัดเลือกโดยเอาพันธุ์และผลที่ดีเยี่ยมและมีคุณภาพสูงสุดมาใช้ในการหมักลงในถังโอ้ก

จากฝรั่งเศสอย่างดี โดยให้เวลาในการหมักยาวนานกว่า 18 เดือนเพื่อเพิ่มกลิ่นและรสชาติของไวน์ให้ดีเยี่ยมดีขึ้น

หลังจากนั้นไวน์ชนิดนี้จะเริ่มมีกลิ่นที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น โดยสีของไวน์ชนิดนี้จะมีสีที่แดงเข้มผสมรวมกัน

กับสีม่วงที่หลอมรวมกันอย่างดี เป็นเนื้อเดียวกัน รวมทั้งยังมีกลิ่นที่หอมมาก เป็นกลิ่นที่อุดมไปด้วยกลิ่นของแยมลูกพลัม

กลิ่นของพริกเขียว ลูกเกด กลิ่นของใบยาสูบ และกลิ่นของต้นโอ้ก

ซึ่งกลิ่นเหล่านั้นรวมกันอย่างสมดุลและทำให้รสชาติของไวน์ดีเยี่ยมยิ่งขึ้น

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสมีทั้งความหวานและความเผ็ดฉุนจางๆของกานพูและพริกไทยดำเล็กน้อย

มีรสชาติที่หอมหวานมาจากรสสัมผัสของผลไม้สีดำต่างๆ ทั้งไวน์ที่หมักจากลูกเกดดำ

รสชาติของพริกไทย รสของลูกพลัม กาแฟและช็อกโกแลตอีกด้วย

โดยรวมแล้วนับได้ว่าไวน์ชนิดนี้มีความหวาน เผ็ดฉุน และขมที่ผสมรวมกันได้อย่างลงตัวทั้งรสชาติและกลิ่น

ทำให้ไวน์ชนิดนี้มัสัมผัสที่น่าดึงดูด มีเสน่ห์ มีความสดใหม่และมีความสมบูรณ์แบบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

โดยไวน์ชนิดนี้มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5% นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ก็เหมาะสมอย่างยิ่ง

ที่จะดื่มควบคู่กับการรับประทานคู่กับเนื้อสเต๊กต่างๆ ชีส และพาสต้าที่ใส่เครื่องเทศต่างๆ

 

Trapiche
Trapiche

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

Robert Mondavi Cabernet-Sauvignon Private Selection

Robert Mondavi Cabernet-Sauvignon Private Selection

ไวน์ Robert Mondavi Cabernet-Sauvignon Private Selection

เป็นไวน์ที่มีต้นกำเนิดในการผลิตมาจากเมือง Monterey County ซึ่งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยไวน์ที่มีการนำองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon มาใช้เป็นวัตถุดิบหลักเพียงชนิดเดียว

โดยไวน์ชนิดนี้เกิดจากการรังสรรค์มาจากนักปรุงไวน์ชื่อดังนามว่า Robert Mondavi

ผู้ที่กำเนิดมาจากชุมชน Oakville ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยนักปรุงไวน์คนนี้เป็นคนเดียวกันกับที่ออกแบบไวน์หลายชนิดที่มาจาก Napa Valley

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีมีอายุของไวน์ยาวนานเพียงแค่ 10 เดือนเท่านั้น

โดยการหมักครั้งนี้จะต้องใช้การหมักในอัตราส่วนที่เหมาะสม โดยใช้อัตราส่วนขององุ่นในปริมาณมาก

และวัตถุดิบอื่นๆใส่ในถังหมักในปริมาณน้อย โดยในการหมักไวน์นี้

จะใช้การหมักลงในถังโอ้กจากอเมริกาชั้นดีที่ใช้ในการหมักไวน์เบอร์บอน

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีแดงเข้มเหมือนกันกับสีของทับทิม และเมื่อเปิดขวดไวน์ออกมาก็จะพบว่ากลิ่นไวน์

นี้จะเป็นกลิ่นที่เหมือนกันกับกลิ่นของไวน์วิสกี้เบอร์บอนแบบดั้งเดม เนื่องมาจากกรรมวิธีในการผลิตไวน์นี้คล้ายคลึง

กับกรรมวิธีในการผลิตไวน์เบอร์บอน โดยกลิ่นที่นักดื่มจะได้คือกลิ่นของขนมหวานที่ทำมาจากแบล็กเบอร์รี่

รวมทั้งกลิ่นดาร์กเบอร์รี่ กลิ่นของแป้งที่ใช้ทำขนมแคร็กเกอร์ กลิ่นของน้พตาลทราย วานิลลา นมช็อกโกแลต

กลิ่นโอ้กย่าง กลิ่นกาแฟและกลิ่นรมควันจางๆ

นอกจากกลิ่นแล้ว รสชาติของไวน์นี้ก็นับได้ว่าเป็นรสชาติที่เหมือนกันกับกลิ่นอย่างมาก

เป็นไวน์ที่มีรสสัมผัสของแบล็กเบอร์รี่ พายบลูเบอร์รี่ ขนมถั่วเคลือบคาราเมล

รสหวานจากน้ำตาลทรายแดง คาราเมล กาแฟโมคาและรสของควันจากการรมควัน

โดยรวมแล้วนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่ดีเยี่ยม

มีทั้งกลิ่นอายและรสชาติเหมือนกันกับไวน์เบอร์บอน และเป็นไวน์ที่เหมาะมากที่ดื่มควบคู่ไปกับการรับประทาน

กับซี่โครงย่างรมควัน ขนมปังกับแฮม พาสต้าและการรับประทานอาหารนอกบ้าน

นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์ที่ 14.5%

Robert Mondavi
Robert Mondavi

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

 

 

Penfolds – Max’s Shiraz Cabernet

Penfolds – Max’s Shiraz Cabernet

ไวน์ Penfolds – Max’s Shiraz Cabernet เป็นไวน์ที่มีความพิเศษมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ

โดยไวน์ชนิดนี้มีต้นกำเนิดในหลากหลายสถานที่

ได้แก่ McLaren Vale, Wrattonbully, Padthaway, Langhorne Creek และ Barossa Valley

โดยทุกชนชนนั้นล้วนอยู่ในดินแดนทางตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งไม่เหมือนกันกับไวน์ชนิดอื่นๆ

ที่มีต้นกำเนิดเพียงที่เดียวเท่านั้น โดยไวน์ชนิดนี้เกิดจากการรวมกันขององุ่นสองพันธุ์

ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Shiraz และองุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon โดยผสมในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน

ด้วยการใช้อัตราส่วน Shiraz 77% และ Cabernet Sauvignon 23%

ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกรรมวิธีในการหมักที่ค่อนข้างยาวนาน แต่เรียบง่ายกว่า

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่ต้องใช้ระยะเวลาในการหมักประมาณ 12 เดือน

ซึ่งจะต้องใช้ถังในการหมักทั้งหมดสามถัง

ได้แก่ ถังโอ้กฝรั่งเศส ถังโอ้กตามฤดูกาลของฝรั่งเศส และถังโอ้กพนธุ์ดีจากอเมริกา

โดยทั้งสามถังได้ใช้ในการหมักอย่างสมดุลและลงตัว โดยไวน์ชนิดนี้จะต้องมีการหมักในสภาพอากาศที่หนาวและแห้ง

ไม่ชื้น ซึ่งฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการหมักไวน์ชนิดนี้ได้แก่ช่วงฤดูใบไม้ร่วงและช่วงฤดูหนาว

โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีที่ผสมกันระหว่างสีแดงเข้มและสีแดงม่วง

โดยสีข้างในจะค่อนข้างทึบและสีขอบของไวน์จะสว่าง

นอกจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังมีกลิ่นที่เหมือนกันกับกลิ่นของหินบลูสโตน

แผ่นและกลิ่นของเหล็กแทบจะทันที่เมื่อเปิดขวด

โดยกลิ่นขององุ่น Cabernet ก็จะโดดเด่นด้วยเช่นกัน ด้วยการทำให้ไวน์มีกลิ่นที่หวาน

นอกจากนี้ยังมีกลิ่นของช็อกโกแลต ราสเบอร์รี่ และกลิ่นของผลไม้ที่มีสีฟ้าหรือสีน้ำเงิน

นอกจากกลิ่นแล้ว รสชาติของไวน์ชนิดนี้ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เช่นเดียวกัน โดยไวน์ชนิดนี้มีรสชาติที่คงที่

ไม่เปลี่ยนแปลงมาก รวมทั้งยังมีรสสัมผัสที่กลมกล่อมและเติมเต็มไปด้วยรสของบลูเบอร์รี่ และรสของมัลเบอร์รี่หรือต้นหม่อน

โดยรวมแล้ว นับได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีรสชาติและกลิ่นที่หอมหวาน

แต่เป็นความหวานที่ไม่ได้มาจากผลไม้เพียงอย่างเดียว แต่มาจากความหวานที่คล้ายคลึงกับสาหร่ายหวานนิดๆด้วย

นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมในทุกโอกาสและสามารถดื่มได้ตลอดเวลา

โดยไวน์ชนิดนี้มีระดับปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5%

 

Max's
Max’s

 

สั่งซื้อสินค้า
ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

 

 

error: Content is protected !!