Ballantine’s 23 Year Old American Oak
AULTMORE FOGGIE MOSS SPEYSIDE SINGLE MALT SCOTCH WHISKY
วิสกี้ single malt สีทองคำขาวบริสุทธิ์ ที่แสนนุ่มนวล สัญชาติสก๊อตแลนด์ จากภูมิภาค Speyside ที่ผ่านกรรมวิธีการหมักมาอย่างยาวนานถึง 12 ปี ในถังไม้โอ๊คจนได้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์น่าเย้ายวนใจ
กลิ่น: มีโน้ตที่หอมหวานจากกลิ่นของน้ำผึ้งผสมผสานกับกลิ่นของซีเรียล กลิ่นวนิลา ครีม และกลิ่นของซิตรัส
รสสัมผัส: เริ่มต้นด้วยความหวานอันเบาบางเหมือนไวน์ขาว ที่คุณอยากจะจิบมันในช่วงหน้าร้อน หลังจากนั้นเริ่มมีความฝาดตามมาให้คุณได้สัมผัส เหมือนเป็นการสะท้อนรสชาติที่เปลี่ยนจากความหวานนุ่มละมุนลิ้น ไปเป็นความฝาดอย่างเบาบาง และเมื่อจิบต่อไปคุณก็จะได้รับรสสัมผัสที่มากขึ้น และกลิ่นของแคนตาลูปและวานิลลาอีกด้วย
ABERLOUR DISTILLERY SPEYSIDE SINGLE MALT SCOTCH WHISKY
วิสกี้ single malt สีทองอร่าม ที่แสนนุ่มนวลและหอมหวาน สัญชาติสก๊อตแลนด์ จากภูมิภาค Speyside ที่ผ่านกรรมวิธีการหมักมาอย่างยาวนานถึง 16 ปี ในถังไม้โอ๊คที่ใช้ทำ Bourbon จนได้กลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์น่าเย้ายวนใจ ที่จะทำให้คุณตกหลุมรักวิสกี้ขวดนี้ในทันที
กลิ่น: มีโน้ตของครีมมี่ และมีกลิ่นอันหอมหวานจากลูกเกด นอกจากนี้ยังแฝงไปด้วยโน้ตของความเผ็ดร้อนอีกด้วย
รสสัมผัส: เริ่มต้นด้วยความสมูธ และรสสัมผัสของดอกไม้ ที่มาพร้อมกับความเผ็ดร้อน ตามด้วยรสสัมผัสจากลูกพลัมอันหอมหวาน มีรสชาติและกลิ่นของไม้โอ้คอย่างเบาบาง ตบท้ายด้วยความเผ็ดและรสสัมผัสของน้ำผึ้งที่เย้ายวนใจให้ดื่มต่อ
ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสจาก Bordeaux รุ่น 1982 ที่แม้ว่าจะเป็นไวน์ที่มีอายุไม่มากแต่กลับให้ความเข้มข้นและความบริสุทธิ์ที่น่าอัศจรรย์จากกลิ่นอายของเหล้าเคิร์ชและชะเอม ให้ความรู้สึกถึงความมั่งคั่งอันน่าทึ่ง ความแน่นหนา ความสมบูรณ์ และความสวยงาม ตัวไวน์ชั้นเยี่ยมนี้ถูกผลิตในเมือง Pomerol โดยได้รับส่วนวัตถุดิบต่างๆมาจากภูมิประเทศที่ราบสูง โดยเฉพาะวัตถุดิบหายากอย่าง องุ่น Merlot ที่ได้มาจากไร่องุ่นเขียวชอุ่มหรูหราเก่าแก่ ซึ่ง Merlot นั้นได้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์หรูหราขวดนี้อย่างมีความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก
เนื่องจากการใช้วัตถุดิบในกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างหายากและมีความพิถีพิถันในการเฟ้นหาวัตถุดิบชั้นดีเป็นอย่างมาก ยิ่งทำให้ราคาของเจ้าไวน์ขวดนั้นสูงกว่าราคาของตลาดไวน์ทั่วๆไป เรียกได้ว่าเป็นไวน์เกรดพรีเมี่ยมที่เป็นที่นิยมในหมู่นักดื่มเป็นอย่างมากจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยความพิศวงและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรสชาติ จึงทำให้มีความคุ้มค่าในการหามาสะสม
จุดเด่นของไวน์รุ่นนี้นั้นมาจากกลิ่นหอมของช็อกโกแลต,เชอร์รี่เข้ม,ลูกพลัมและเครื่องเทศ ให้ความรู้สึกถึงความสง่างามขององุ่น Merlot ได้เป็นอย่างดี รสชาติหวานหอมของ พลัม, ลูกเกด, ลูกพรุน, ช็อคโกแลต, มอคค่าและเชอร์รี่ดำ ได้ถูกผสมปนเปกันจนได้ออกมาเป็นรสชาติที่น่าพิศวง ความเข้มข้นนุ่มลึกอย่างหาที่สุดไม่ได้ ความร้อนแรงแห้งผากจนทำให้ยากที่จะดื่มแบบเดี่ยวๆ
โดยรวมนั้นเป็นไวน์ที่มีบุคลิกค่อนข้างบริสุทธิ์ ไม่ซับซ้อน ตรงไปตรงมา มั่นคงหนักแน่น มีความร้อนแรงและกลับอ่อนหวาน ละมุนดื่มง่ายไม่หนักหน่วงบาดคอมากจนเกินไป ดื่มได้เรื่อยๆสำหรับค่ำคืนยาวนานอันแสนพิเศษ โดยสำหรับอาหารมื้อค่ำที่ตมักถูกเสิร์ฟคู่กันกับเจ้าไวน์แดงแก้วนี้นั้นมักจะถูกเสิร์ฟคู่กับอาหารจำพวกเสต็กและสตูว์เนื้อ เช่น เนื้อแกะ, เนื้อวัว, ขาแกะอบ, ห่าน, ไก่รวมควันและเนื้อกวาง ซึ่งยิ่งทำให้มื้ออาหารค่ำพร้อมคนพิเศษของคุณนั้นสมบูรณ์แบบมากขึ้นไปอีก
ไวน์แดงสไตล์วินเทจสุดหรูสัญชาติ USA จาก Napa Valley แห่ง Harlan Estate ที่มีความเข้มข้นเป็นอย่างมาก ซึ่งชื่อเสียงของ Harlan Estate เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ดังที่ถูกขนานนามจากนักดื่มทั่วโลกว่าเป็น “สัตว์ร้ายแห่งไวน์แดง” เพราะความช่ำชองในกระบวนกลั่นและการผลิตไวน์ที่มีคุณภาพสูง เน้นความวินเทจหรูหรา เป็นกระบวนการผลิตที่มีความปราณีคพิถีพิถันเฉพาะตัว ผลผลิตจากผลไม้ที่ใช้นั้นเป็นผลผลิตที่มีคุณภาพโดยเป็นผลไม้ที่ถูกปลูกขึ้นมาบนสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่า Harlan Estate นั้นเป็นอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ที่ยาวนานมากว่าทศวรรษเลยทีเดียว
เครื่องดื่มสีโกเมนเข้มที่ได้จากส่วนผสมขององุ่นทั้งสามพันธุ์ องุ่นชั้นดีในกระบวนการผลิตไวน์แดงหรูหราคลาสสิค Cabernet Sauvignon, Cabernet Franc, Merlot และ Petit Verdot ซึ่งเป็นที่ยอมรับในแวดวงอุตสาหกรรมการผลิตไวน์แดงไปทั่วโลกเพราะความเป็นสุดยอดพรรณองุ่นที่ให้รสชาติของไวน์ที่ให้รสชาติที่มีความกลมกล่อมเข้มข้น มีความหอมหวานจากรสชาติเฉพาะตัวที่ดื่มง่าย เหมาะสำหรับนักดื่มที่รักการดื่มไวน์จากทุกหนทุกแห่ง
จุดเด่นของไวน์แดงรุ่นนี้อยู่ที่เครื่องดื่มชั้นเยี่ยมสีสดที่มีความคลาสสิกเซ็กซี่เย้ายวนใจด้วยกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่าง กลิ่นแบล็คเคอแรนท์ แบล็กเบอร์รี่ หินบด กราไฟต์ การบูรควัน และกลิ่นยาสูบแห้ง สีม่วงโกเมนเข้มที่ได้เนื้อและรสชาติเข้มข้นจากเชอร์รี่สีดำครีมและพุดดิ้งพลัมผสานกับความเข้มข้นจากแทนนินเนื้อละเอียดที่สุกงอมได้อย่างประณีตลงตัว
โดยรวมเป็นไวน์แดงที่มีบุคลิกร้อนแรง มีสเน่ห์ เย้ายวนใจ มีความยั่วยวน คลาสสิค เป็นเอกลักษณ์ ทรงพลังแต่ดื้อดึงอยู่ในตัว มีความหวานหอมกลมกล่อมอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความกระสันเป็นอย่างยิ่งเมื่อเครื่องดื่มแก้วโปรดได้ถูกเสิร์ฟคู่กับเนื้ออบชั้นเลิศอย่าง เนื้อวัว เนื้อแกะ และ เนื้อกวาง ก็ยิ่งยากที่จะถอนตัวเพียงแค่แก้วเดียวได้ เหมาะสำหรับการดื่มเนื่องในโอกาสพิเศษ สังสรรค์ หรือดื่มฉลองในมื้อค่ำพิเศษพร้อมคนพิเศษของคุณได้อย่างสนุกสนาน
Le Pin 2010, Le Pin Bordeaux, France, Red Wine
ไวน์แดงสัญชาติฝรั่งเศสที่ได้ถูกหมักขึ้นมาจากองุ่นชั้นดีพันธุ์ Merlot แบบ 100% แม้จะเป็นองุ่นสายพันธุ์เล็กซึ่งสามารถเจริญเติบโตได้ในภูมิอากาศที่ค่อนข้างร้อนและแห้ง แต่กลับได้ผลดีในฤดูเก็บเกี่ยวจากไร่องุ่นอย่าง Le Pin ที่มีความอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก
ความเขียวชอุ่มจากไร่ไวน์จากองุ่นพันธุ์ Merlot หรูหราที่วัตถุดิบพืชผลอย่างองุ่น Merlot นั้นได้ถูกปลูกท่ามกลางวัตถุดิบการเกษตรอันทรงคุณค่าอย่าง ดินเหนียว กรวด และธาตุเหล็ก ในขณะที่การผลิตไวน์แบบทั่วไปจะใช้ส่วนผลิตจากการปลูกโดยใช้ดินราคาถูกอย่างดินปนทรายที่มีความเป็นกรดมากกว่า ทำให้ได้องุ่นรสชาติธรรมดาที่ไม่ได้มีความแตกต่างโดดเด่น ในขณะที่ตัวไวน์ Le Pin 2010 นั้นมีราคาที่สูงกว่าไวน์ยี่ห้ออื่นๆเพราะความพรีเมี่ยมหรูหราแปลกใหม่และรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมการผลิตไวน์ในแบบอื่นๆ
จุดเด่นของเหล้าองุ่นรุ่นนี้นั้นได้มาจากผลผลิตขององุ่นที่ที่มีขนาดเล็กกว่าปกติของ Merlot ทำให้ได้เหล้าองุ่นสีพลัมออกม่วงเข้มที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นจากไม้อ็คสดใหม่ผสานกับกับความเข้มข้นของ Uber,แคสซิส,เชอร์รี่สีดำผสานกับกลิ่นของชะเอมเทศ ตัวไวน์แดงมีรัสสัมผัสและบอดี้ที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวานของแทนนิน,เชอร์รี่ดำและผลไม้สีดำรสชาติหวานแซมเปรี้ยว ได้รสชาตินุ่มลึกเข้มข้นที่ลงตัวและสมดุลเป็นอย่างมาก
โดยภาพรวมนั้นเป็นไวน์แดงที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่น มีบุคลอกภาพที่น่าดึงดูดเย้ายวนใจ มีความล้ำลึกนุ่มนวลในรสชาติจากความปราณีตพิถีพิถันของกระบวนการผลิตไวน์มาอย่างยาวนานถึง 12 ปี เป็นเหล้าองุ่นที่เหมาะแก่การรับประทานคู่กับทานคู่กับกลุ่มอาหารประเภทเนื้อแดงชั้นดี อย่าง เนื้อวัวหรือเนื้อแกะย่างเนย รวมถึงการรับประทานคู่กับอาหารประเภทสัตว์ปีกอย่าง เป็ดและไก่ เป็นต้น เป็นไวน์แดงที่มักจะใช้ดื่มตามงานพิเศษหรือโอกาสสำคัญๆต่างพร้อมกับคนพิเศษสุดๆของคุณนั้น เพื่อช่วยเปิดประสบการณ์สังสรรค์สุดพิเศษให้แก่คุณได้อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานเหล้าองุ่นสัญชาติโปรตุเกส โดยโปรตุเกสเองนั้นก็เป็นภูมิภาคที่ขึ้นชื่อด้านการผลิตไวน์ที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ของยุโรปและมีการส่งออกไวน์มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เหล้าองุ่นแดงตัวนี้ถูกสร้างขึ้นจากไร่องุ่นชั้นดีอย่าง Quinta do Noval ซึ่งเป็นหนึ่งในท่าเทียบเรือเก่าแก่ที่สุดจากประเทศโปรตุเกส โดยใช้วัตถุดิบนานาชนิด โดย Quinta do Noval นั้นเป็นไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากซึ่งเป็นไร่องุ่นที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงชันจากใจกลางหุบเขา Douro
องุ่นสายพันธุ์ชั้นดีจากไร่แห่งนี้ได้ถูกนำมาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์แดงชั้นเยี่ยม รวมถึงมีการนำผลไม้ต่างๆที่ถูกปลูกขึ้นในพื้นที่ของท่าเทียบเรือ โดยไวน์ชนิดเก่าแก่ที่ได้ถูกกลั่นออกมาทั้งหมดนั้น ได้นำวัตถุดิบจากไร่องุ่น Quinta do Noval มาใช้เพียงแห่งเดียวเท่านั้น
La Tache 1962, Domaine de la Romanee-Conti, Burgundy, France, Red Wine
เรียกได้ว่าประวัติความเป็นมาของ Romanée-Conti นั้นเป็นชื่อที่โด่งดังและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เริ่มจากในปี ค.ศ. 1760 เจ้าชายหลุยส์-ฟรองซัวส์ เดอ บูร์บง-คอนติ ได้ซื้อที่ดินผืนหนึ่งในเมืองโวสเน-โรมาเน่ ซึ่งเป็นที่ดินที่ปลูกขึ้นโดยบรรพบุรุษของแซงต์-วิวังต์ ก่อนจะสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2319
ต่อมาในปี 1794 ที่ดินผืนนี้ได้ถูกริบและถูกซื้อโดยเศรษฐีอย่าง Henry-Frédéric Roch, Lalou Bize-Leroy และผู้อำนวยการ Aubert de Villaine ซึ่งเป็นเจ้าของในวันนี้จนกลายเป็นเป็นไร่องุ่นสุดหรูหราในปัจจุบันนี้ โดยกรรมวิธีที่ใช้ในการผลิตไวน์แดงสุดหรูจากไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงแห่งนี้นั้น จะใช้วัตถุดิบเป็นองุ่นที่ได้รับการดูแลอย่างดีโดยมีการควบคุมผลผลิตอย่างเข้มงวดและเมื่อเข้าฤดูเก็บเกี่ยวก็จะเก็บเกี่ยวอย่างช้าที่สุดเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ไวน์แดงที่มีกลิ่นหอมและอุดมสมบูรณ์มากที่สุดนั่นเอง
ด้วยเอกลัษณ์เฉพาะตัวของตัวเครื่องดื่มเส้นรูบี้เข้มข้นที่มีกลิ่นหอมพิเศษของผลไม้สีเข้มผสานกับเห็ดทรัฟเฟิลและเครื่องเทศรวมทั้งกลิ่นของช่อดอกไม้เข้มข้นนานาพันธุ์ ให้รสชาติที่มีหอมหวานละเอียดอ่อนจากองุ่นและผลไม้เนื้อแดงนานาชนิต ความรู้สึกถึงความบริสุทธิ์ไม่ซับซ้อน มีความสมดุลของเนื้อเครื่องดื่มที่ไม่แห้งผากหรือเข้มข้นบาดคอจนเกินไป รสชาติที่ยังคงค้างอยู่ทั่วเพดานปากอย่างยาวนาน ทำให้สามารถดื่มได้อย่างเพลิดเพลินจำเริญใจ
โดยภาพรวมเป็นไวน์แดงอายุน้อยที่มีเสน่ห์น่าดึงดูดอย่างมาก มีบุคลิกไม่ซับซ้อน แสดงถึงความบริสุทธิ์สดใส แม้จะเป็นไวน์จากพื้นที่หรูหราเก่าแก่แต่กลับให้ความอบอุ่นเป็นมิตรและเข้าถึงง่ายอย่างมาก ไวน์แดงพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารจำพวกเนื้อแดงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อแกะย่าง, ขาแกะอบ, เนื้อกวาง, สเต็กเนื้อแดง รวมถึงอาหารจำพวกสัตว์ปีกต่างๆเช่น ไก่และเป็ดเสิร์ฟคู่เนยแข็ง เพื่อเพิ่มรสชาติของมื้อค่ำให้มีสีสันและรับประทานอร่อยมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นไวน์แดงที่มีราคาแพง เป็นกลับคุ้มค่าสำหรับนักสะสมไวน์ทั่วโลก ด้วยประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ กรรมวิธีการผลิตที่มีความปราณีต รวมถึงรสชาติน่าค้นหาที่ช่วยสร้างประสบการณ์การดื่มไวน์สุดแสนพิเศษให้แก่คุณ
Woodbridge White Zinfandel ไวน์สีชมพูสตรอว์เบอร์รี่สีคมชัดจากองุ่นพันธุ์ Zinfandel และยังน่าลิ้มลองยิ่งไปด้วยผลไม้นานาชนิด ซึ่งจะออกมาในรูปแบบของกลิ่นของเชอร์รี่และองุ่นพันธุ์ต่าง ๆ ซึ่งส่งผลทำให้มันมีรสที่กลมกล่อมอย่างยิ่ง รวมไปถึงมันยังมีเนื้อสัมผัสที่ละเอียดอ่อนและนุ่มนวล ก็ยิ่งทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้ถูกพูดถึงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้ Woodbridge White Zinfandel ได้รับความนิยมอย่างมากและมากกว่าเดิม นั่นก็คือ รสชาติของ Woodbridge White Zinfandel ที่เป็นรสชาติของผลไม้หวาน ที่ทำให้เราสามารถละมุนกับรสชาติความหวานนี้ไปทั่วเพดานปาก และยิ่งได้รับประทานไปพร้อมกับชีสเปรี้ยวก็ยิ่งทำให้รสชาติของไวน์นี้ละมุนและจัดจ้านไปในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว และด้วยรสชาติแบบนี้นั่นเอง จึงทำให้มันเหมาะกับเมนูไก่ ปลา จนไปถึงพวกผักเลยนั่นเอง รวมถึงยังเหมาะแก่การดื่มในช่วงบ่ายที่ถูกย้อมด้วยแดดอันอบอุ่นอีกด้วย