Category Archives: Wine

รีวิวไวน์ Wine โดย รีวิวเหล้านอก.com

Château La Mission Haut-Brion Cru Classé de Graves

Château La Mission Haut-Brion Cru Classé de Graves

Château Haut-Brion Pessac-Léognan (Grand Cru Classé de Graves) เป็นพื้นที่ปลูกไวน์และ Appellation d’Origine Contrôlée ทางตอนเหนือของเขต Graves ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ Pessac-Léognan ยังมีชื่อเสียงเท่าเทียมกันทั้งในเรื่องของไวน์ขาวและแดง ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตไวน์อย่าง Haut-Médoc ที่จัดอยู่ในการจำแนกประเภทว่า Bordeaux Wine ครั้งแรกในปี 1855 Cru Château Haut-Brion ชั้นนำและยังรวมถึง Châteaux ทั้งหมดที่ระบุไว้ใน Graves ในปี 1953/59 การเติบโตแบบแบ่งกลุ่มเหล่านี้คิดเป็นหนึ่งในสามของไวน์ที่ผลิตใน Pessac-Léognanตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาเจ้าของและผู้จัดการของ Haut-Brion ได้หมกมุ่นอยู่กับการสร้างชื่อเสียงในด้านคุณภาพซึ่งถือเป็นการเติบโตครั้งแรกใน 1855 และ Haut-Brion ได้ทำทุกวิถีทางนับตั้งแต่นั้นมาเพื่อรักษาสถานะไว้เพื่อให้สถานะ Grand Cru คงอยู่ต่อไป ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการดูแลที่ดินและส่วนประกอบต่างๆตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาจึงต้องเลือกพันธุ์องุ่นที่เหมาะสมสำหรับแต่ละแปลงและต้องดำเนินการคัดเลือกอย่างไม่หยุดยั้ง

Château Haut-Brion ปี 1989 นี้เป็นไวน์ Pessac-Leognan ในภูมิภาค Graves ของ Bordeaux ประเทศฝรั่งเศส ไวน์นี้จัดอยู่ในประเภท Savory and Classic Red Wines และเกิดจากการการผสมผสานระหว่างพันธุ์องุ่นหลากหลายสายพันธุ์ 55% cabernet sauvignon, 25% merlot, 20% cabernet franc ซึ่งมักใช้ในการทำไวน์แดงของ Bordeaux ซึ่งถือว่าเป็นไวน์นี้มีความเข้มข้นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นตำนานยุคใหม่เลยทีเดียว และแม้ว่ามันอาจจะเป็น Haut-Brion ที่เข้มข้นที่สุดในช่วง 50 ปีที่ผ่านมานี้นั้น แต่ก็มีกลิ่นอายของความเป็น Haut-Brion แบบคลาสสิกด้วยความที่มีกลิ่นหอม อีกทั้งยังน่าประทับใจตั้งแต่กลิ่นดินที่ไหม้เกรียม แร่ธาตุเหลว กราไฟต์ แบล็กเบอร์รี่ และแยมแบล็กเคอร์แรนต์ที่ทาบนขนมปังปิ้ง ไปจนถึงชะเอมและเครื่องเทศ ระดับของผลไม้สารสกัดและกลีเซอรีนในไวน์ที่มีความหนืด มีความเต็มน้ำเต็มเนื้อของไวน์ชนิดนี้ และมีกรดต่ำนี้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก เพราะด้วยความสมมาตรที่ยอดเยี่ยมของไวน์ ความบริสุทธิ์ที่หาไม่ได้โดยทั่วไป และความแนบเนียนไรที่ติเป็นจุดเด่นของตำนานยุคใหม่ แต่ในขณะเดียวกันก็ดูหรูหราและยิ่งไปนั้นถือได้ว่าเป็นไวน์ชั้นเลิศ ด้วยความที่มีผลไม้ สารสกัด และกลีเซอรีนจำนวนมากในที่ทำไวน์นี้ค่อนข้างจะมีความหนืดและความเข้มข้น ซึ่งความเป็นกรดต่ำช่วยให้ไวน์มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นและเพิ่มความสมบูรณ์ของไวน์

Château Haut-Brion Pessac-Léognan (Grand Cru Classé de Graves)

Château La Mission Haut-Brion Cru Classé de Graves

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Joseph Phelps Insignia

Joseph Phelps Insignia

Joseph Phelps Insignia การเปิดตัวของ Insignia ปี 1974 ในฤดูใบไม้ผลิปี 1978 เป็นส่วนผสมของ Bordeaux-style ที่เป็นกรรมสิทธิ์ตัวแรกที่ผลิตในแคลิฟอร์เนีย ไวน์หรือเหล้าองุ่นแต่ละชวดนั้นประกอบด้วยองุ่นที่ดีที่สุดจากไร่องุ่น Joseph Phelps Vineyards ซึ่งเป็นผลไม้ที่มาจากทั้งชาวไร่ชาวสวน ซึ่งหลังจากนั้นไร่องุ่นของ Joseph Phelps ได้กลายเป็นโรงกลั่นเหล้าองุ่นแห่งแรกในแคลิฟอร์เนียที่ผลิตการผสมผสานระหว่าง Cabernet Sauvignon, Merlot, Cabernet Franc และ Petit Verdot องุ่นพันธุ์บอร์โดภายใต้ฉลากที่เป็นกรรมสิทธิ์ ซึ่งกล่าวได้ว่านี่เป็นนวัตกรรมใหม่ในเวลานั้น ซึ่งชื่อ Insignia ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของการผลิตที่ดีที่สุดในแต่ละปีของไวน์ และได้กลายเป็นไวน์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแคลิฟอร์เนีย อีกทั้งนี่ยังเป็นครั้งแรกที่การผสมผสานอยู่เหนือการกำหนดพันธุ์หรือไร่องุ่นเป็นตัวกำหนดคุณภาพ จะไม่มีการติดตามจนกว่าจะถึงทศวรรษต่อมาโดยไวน์ตัวที่สองอย่าง Opus One และ Insignia ยังคงเป็นมาตรฐานของหมวดหมู่นี้มานานกว่าหนึ่งในสี่ศตวรรษ

Insignia เป็นการผสมผสานระหว่าง Cabernet Sauvignon 78%, Merlot 14%, Petit Verdot 7% และ Malbec 1% องุ่นจากไร่องุ่นแต่ละแห่งจะผ่านการกลั่นในเหล็กกล้าไร้สนิม โดยจะต้องควบคุมอุณหภูมิสัมผัสกับผิวหนังในช่วงเวลาเฉลี่ย 21 วัน หลังจากการหมัก malolactic แล้วส่วนผสมจะถูกรวมเข้าด้วยกันภายใน 6 เดือนของการเก็บเกี่ยวและมีอายุประมาณ 2 ปีในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศสใหม่ จากนั้นไวน์จะได้รับการกรองด้วยแสงก่อนบรรจุขวด ที่มาของ Insignia ซึ่งเป็นไวน์จาก Cabernet Sauvignon ที่สร้างขึ้นจากไร่องุ่นของ Joseph Phelps ทั้งหกแห่ง ซึ่งได้แก่ ไร่องุ่น Spring Valley Home Ranch ในเซนต์เฮเลนาไร่องุ่น Banca Dorada บน Rutherford Bench, Las Rocas และไร่องุ่น Barboza ในเขต Stags Leap, ไร่องุ่น Yountville ในเขต Qak Knoll และสุดท้ายไร่องุ่น Suscal ใน South Napa Valley

Insignia เป็นไวน์ที่มีความเข้มข้น ความซับซ้อน และโครงสร้างที่มีความสมดุลที่ดีเยี่ยมของความเป็นกรดที่ได้รับการปรับแต่งอย่างประณีตและแทนนินที่หนาแน่นและนุ่มนวล ส้มเขียวหวาน ชะเอม และเครื่องเทศมีอยู่มากมายอยู่ในปากพร้อมกลิ่นของยูคาลิปตัสและดิน และ 40 ปีหลังจากการเปิดตัวไวน์นั้น Insignia ได้ก็รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในไวน์ชั้นยอดของโลก Insignia 2002 ได้รับรางวัล “Wine of the Year” จากนิตยสาร Wine Spectator ในปี 2005 และในเดือนพฤศจิกายน 2013 โดยนักวิจารณ์ Robert Parker ได้รับความนิยมอย่างสูงว่าในปี 2014 เพื่อฉลองครบรอบ 40 ปีของโรงกลั่นไวน์เขาได้ไปเยี่ยมชมถึงที่เพื่อชิมไวน์ Insignia ตั้งแต่ปี 1974-2012 โดยผลออกมาว่าไวน์ที่ได้รับรางวัลนั้น ได้แก่ ไวน์ Insignia ในปี 1991 1997 และ 2002

Joseph Phelps Insignia

Joseph Phelps Insignia

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Darioush Darius ii cabernet sauvignon

Darioush Darius ii cabernet sauvignon

Darioush Darius ii cabernet sauvignon นั้นเป็นสิ่งที่มีความสำคัญและมีค่ามากอย่างหนึ่งของ Darioush Darioush นั้นเป็นโรงกลั่นไวน์ในประเทศนาปา ซึ่งได้รวบรวมความงามอันหลากหลายและประณีตภายในไวน์ที่ผลิตออกมา ด้วยความมุ่งมั่นแน่วแน่ในการผลิตนั้นจึงได้ไวน์ที่รวบรวมหลากหลายความรู้สึกเข้าไว้ด้วยกันทั้งความซับซ้อน ความสงบ และความประณีต Darius II จึงเปรียบเสมือนเครื่องหมายรับรองคุณภาพของ Darioush นั่นเอง

Darius Il ได้ผ่านการหมักอยู่เป็นเวลากว่า 20 เดือน ในถังไม้โอ๊กฝรั่งเศสแบบดั้งเดิมของTaransaud Chateau 100% ซึ่งผู้ผลิตไว้นี้คือ Steve Devitt โดยมี Michel Rolland เป็นผู้ให้คำปรึกษา ในส่วนของส่วนผสมนั้นประกอบไปด้วย Cabernet Sauvignon 81%, Merlot 8% และ Cabernet Franc 1% ยิ่งไปกว่านั้น Darius II นั้นเรียกได้ว่าเป็นของสะสมที่ได้ผ่านกระบวนการผลิตที่ประณีตและคู่ควรกับยุคสมัยนี้ ซึ่งไวน์เหล่านี้ได้รวบรวมคุณสมบัติที่โดดเด่นของเหล้าองุ่นแต่ละชิ้นจากไร่องุ่น Napa Valley

เมื่อพูดถึงไวน์ Darius Il นั้นถือเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันของคุณภาพที่ยอดเยี่ยมสำหรับการปลูกองุ่นในไร่องุ่น Napa Valley ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของผู้ผลิตไวน์ และด้วยชื่อเสียงของไวน์นี้อยู่ที่ผลผลิตที่มีความหนาแน่นและความเข้มข้นที่สำคัญเพียงเล็กน้อยโดยมีลักษณะของพันธุ์ที่แตกต่างกันและแทนนินที่สุกและนุ่ม ผลไม้ที่ปลูกจากไร่องุ่น Napa Valley ทางตอนใต้สุดของพื้นหุบเขาเผยให้เห็นความสุกงอมของตำราและการพัฒนารสชาติ พื้นที่ริมภูเขาที่เย็นกว่า ได้แก่ Sage Vineyard บนยอดเขาวีเดอร์และแหล่งที่มาของ Cabernet Sauvignon จาก Pritchard Hill, Spring Mountain และ Howell Mountain ซึ่งได้รับประโยชน์จากเวลาที่แขวนนานขึ้นและช้าลงแม้กระทั่งการทำให้เถาองุ่นสุก

อีกหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Darius Il ปี 2016 นั้นก็คือศิลปะของฉลากนั่นเอง ศิลปะนี้ได้เริ่มต้นจากเมืองแรก ๆ ในประวัติศาสตร์ซึ่งเติบโตขึ้นตามเส้นทางสายไหมซึ่งอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ได้แลกเปลี่ยนสินค้า ความคิด ภาษาและความศรัทธาในระยะทางหลายพันไมล์ที่เชื่อมมหาสมุทรแปซิฟิกและเมดิเตอร์เรเนียนกับเอเชียกลางและเปอร์เซีย สิ่งทอสมัยศตวรรษที่ 14 จึงถูกเลือกใช้ประดับไวน์ Darius I| ปี 2016 ซึ่งเป็นตัวอย่างประวัติศาสตร์อันยาวนานและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม สิ่งทอด้วยผ้าไหมและด้ายสีทองแบบดั้งเดิมสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลการออกแบบจากตะวันออกไกลและอิตาลีอีกด้วย

Darioush Darius ii cabernet sauvignon

Darioush Darius ii Cabernet Sauvignon

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Domaine de la Vieille Julienne Les Trois Sources

Domaine de la Vieille Julienne Les Trois Sources

            Domaine de la Vieille Julienne Les Trois Sources นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงเป็นระดับต้นๆของทวีปยุโรปอย่าง Domaine de la Vieille Julienneซึ่งเป็นผู้ผลิตและเจ้าของโรงกลั่นไวน์ที่มีชื่อเสียงอย่างยิ่งที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่ในบริเวณเมืองChâteauneuf-du-Pape ซึ่งเป็นคฤหาสน์ใหญ่และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงภายในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาที่อยู่ในย่านชุมชน Rhone Valley ของประเทศฝรั่งเศส

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดและมีความซับซ้อนอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นการผลิตที่มีการเลือกวัตถุดิบ โดยทางผู้ผลิตนั้นได้เลือกสายพันธุ์องุ่นชั้นเยี่ยมอย่าง Grenache มาเป็นวัตถุดิบหลัก แต่ทางผู้ผลิตนั้นคิดว่าอาจจะไม่เพียงพอมากนัก ทางผู้ผลิตจึงได้มีการเลือกองุ่นสายพันธุ์เพิ่มเติมมากกว่า 4 สายพันธุ์ด้วยกันมาใช้ ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Syrah หรือที่คนส่วนใหญ่รู้จักในนามองุ่นสายพันธุ์ Shiraz แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น Mourvedre, Counoise และองุ่นสายพันธุ์ Cinsault โดยองุ่นทุกสายพันธุ์นั้นล้วนมาจากการเพาะปลูกในชุมชน Rhone Valley

            โดยไวน์ชนิดนี้ก็นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีคุณลักษณะที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทั้งกลิ่นและรสชาติที่ดีเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างเป็นสีแดงที่เข้มลึกอย่างยิ่ง รวมทั้งยังมีกลิ่นที่เต็มไปด้วยลูกพลัม ราสเบอร์รี่และบอยเซนเบอร์รี่ (Boysenberry) คือผลของเบอร์รี่สีดำ ราสเบอร์รี่สีแดงและโลแกนเบอร์รี่ ซึ่งผลไม้ที่เต็มไปด้วยกลิ่นผลไม้อย่างดียิ่ง รวมทั้งยังมีชะเอมเทศและเค้กผลไม้จางๆอีกด้วย ไม่ใช่เพียงแค่นั้นไวน์ชนิดนี้ยังมีเนื้อสัมผัสที่แสดงถึงความเก่าแก่ที่มีกลิ่นอายของความคลาสสิกได้เป็นอย่างดีมาก

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ยอดเยี่ยมและมีมนต์เสน่ห์ในตัวเองเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นผลไม้นานาชนิดที่ค่อนข้างมีความหวานนวล ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ชนิดต่างๆ ชะเอมเทศ เค้กผลไม้และความเผ็ดเล็กน้อยอีกด้วย ซึ่งไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่เหมาะสมกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อแกะ เนื้อหมู และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด นอกเหนือจากนี้ ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 15% เพียงเท่านั้น

Domaine de la Vieille Julienne Les Trois Sources

Domaine de la Vieille Julienne Les Trois Sources

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Tassi Franci Riserva Brunello di Montalcino

Tassi Franci Riserva Brunello di Montalcino

            Tassi Franci Riserva Brunello di Montalcino Franci Riserva นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาโดยแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Azienda Agricola Franci Franca ซึ่งเป็นผู้ผลิตไวน์ที่มีชื่ออยู่ระดับต้นๆของทวีปยุโรป แต่ว่าทางผู้ผลิตได้ใช้บริการของโรงกลั่นไวน์ที่มีชื่ออย่าง Tassi ซึ่งมีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ทางบริเวณ Brunello di Montalcino เมือง Tascany หรือเมือง Toscana ในประเทศอิตาลี

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างพิเศษอย่างหนึ่งที่ทางผู้ผลิตใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง คือไวน์ชนิดนี้จะเลือกสรรองุ่นที่ใช้มาจากการเพาะปลูกในไร่องุ่นของ Tassi ที่เป็นโรงกลั่นไวน์ โดยทั้งโรงกลั่นไวน์และไร่องุ่นที่อยู่ใน Brunello di Montalcino เท่านั้น โดยองุ่นที่ทางผู้ผลิตเลือกใช้นั้น คือองุ่นสายพันธุ์ Sangioverse แท้ 100% เพียงเท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดจะถูกนำไปหมักในถังไม้โอ๊กเท่านั้น

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังสามารถนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่น สี เนื้อสัมผัสและรสชาติของไวน์ที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง โดยกลิ่นและรสชาติของไวน์นี้สามารถกล่าวได้ว่าเป็นไวน์ที่มีความเป็นใบยาสูบ คาราเมล ชะเอมเทศ และวานิลลาที่ค่อนข้างชัดเจนอย่างยิ่ง ซึ่งรสชาติและกลิ่นทั้งหมดที่แสดงออกยังสามารถถ่ายทอดความเข้มข้นของเนื้อไวน์ รวมทั้งยังมีความเปรี้ยวจากสารแทนนินที่มีความเป็นกรดที่ค่อนข้างสูง รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีความแห้งมากอีกด้วยเช่นกัน ซึ่งเหมาะสมสำหรับคนที่ชื่นชอบไวน์ที่มีความแห้งเมื่อลิ้มรส

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นรสชาติและกลิ่นที่เต็มไปด้วยชะเอมเทศ ใบยาสูบ คาราเมลและวานิลลาได้เป็นอย่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด รวมทั้งไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5% อีกด้วย

Tassi Franci Riserva Brunello di Montalcino

Tassi Franci Riserva Brunello di Montalcino Franci Riserva

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Standish the Relic Shiraz

Standish the Relic Shiraz

            Standish the Relic Shiraz นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มียอดการขายสูงสุดติดอันดับสามของแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงและยังเป็นเจ้าเดียวกันกับที่ผลิตไวน์ชนิดนี้อย่าง The Standish Wine Company ซึ่งเป็นบริษัทผลิตไวน์ชื่อดังที่ตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่ย่านชุมชนที่เชี่ยวชาญในการกลั่นไวน์อย่าง Barossa Valley ในเขตเมือง Barossa ทางด้านตอนใต้ของประเทศออสเตรเลีย

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นั้นทางผู้ผลิตได้มีการเลือกนำเอาองุ่นสายพันธุ์ชื่อดังอย่าง Syrah หรือ Shiraz มาใช้ในกระบวนการผลิตไวน์ชนิดนี้ทั้งหมด 50% ด้วยกัน แต่ว่าสายพันธุ์ที่ถูกเลือกมาใช้นั้นไม่ใช้องุ่นสายพันธุ์ Shiraz ทั่วไป แต่ว่าเป็นองุ่นสายพันธุ์ Viognier ที่มีการผสมมาอีก 50% ซึ่งองุ่นทั้งสองสายพันธุ์นี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยทางองุ่นสายพันธุ์ Shiraz จะเป็นองุ่นที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตไวน์แดง แต่ว่าองุ่นสายพันธุ์ Viognier จะเป็นสายพันธุ์องุ่นที่นำมาใช้ผลิตไวน์ขาว โดยทางผู้ผลิตนั้นนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการผลิตมาใช้ในการผสานองุ่นทั้งสองพันธุ์ไปหมักลงในถังไม้โอ๊กพันธุ์เยี่ยม

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่น สี เนื้อสัมผัสและรสชาติของไวน์ที่มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์อย่างดีเยี่ยมอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป้นสีของเนื้อไวน์ที่ค่อนข้างมีความเข้มข้นมากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆอย่างยิ่ง ไวน์ชนิดนี้จะมีสีของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างไปทางสีดำเข้มผสมกับสีของสีแดงเข้มสวยงาม บวกกันกับกลิ่นของไวน์ที่มีความเป็นชะเอมเทศ น้ำผึ้ง เชอร์รี่สีดำและลูกพลัมสีดำด้วยเช่นกัน ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ยังช่วยถ่ายทอดความนุ่มนวลและความเป็นผลไม้ได้อย่างดี รวมทั้งในส่วนของรสชาตินั้นก็แทบไม่แตกต่างกัน แต่ว่ามีความพิเศษที่มีส่วนของวานิลลา รสชาติของต้นโอ๊กและพริกไทยดำด้วยเช่นกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความพิเศษที่โดดเด่นมาจากกลิ่นและรสชาติของผลไม้สีดำหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลเชอร์รี่สีดำและลูกพลัมสีดำ รวมกันกับกลิ่นและรสชาติของน้ำผึ้ง ต้นโอ๊ก วานิลลาและชะเอมเทศ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง และเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 14.5%

Standish the Relic Shiraz

Standish the Relic Shiraz

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Silver Oak Cabernet Sauvignon Napa Valley

Silver Oak Cabernet Sauvignon Napa Valley

            Silver Oak Cabernet Sauvignon Napa Valley นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Silver Oak ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตอยู่ที่หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตไวน์อย่าง Napa Valley ในบริเวณเขตการปกครอง Napa ทางบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือในมลรัฐแคลิฟอร์เนียของประเทศสหรัฐอเมริกา

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นมาหลายชนิดมาใช้ในกระบวนการผลิตด้วยกัน ซึ่งสายพันธุ์องุ่นที่ทางผู้ผลิตได้เลือกสรรมาใช้นั้นมีจำนวนมากถึง 5 สายพันธุ์ในอัตราส่วนที่แตกต่างกัน ได้แก่ องุ่นสายพันธุ์ Cabernet Sauvignon 78.9%, Merlot 15%, Cabernet Franc 3.5%, Petit Verdot 2.3% และองุ่นสายพันธุ์ Malbec 0.3% ด้วยกัน โดยองุ่นทุกสายพันธุ์ทั้งหมดที่ใช้นั้นจะผ่านการเพาะปลูกจากไร่องุ่นใน Napa Valley ประมาณช่วงเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้น โดยองุ่นทั้งหมดนั้นจะนำไปหมักลงในถังไม้โอ๊กใบใหม่เป็นเวลายาวนานกว่า 24 เดือนด้วยกัน

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะที่ยอดเยี่ยมและเป็นเอกลักษณ์อย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นทั้งสี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติที่ดีมาก โดยไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีสีของเนื้อสัมผัสเป็นสีแดงเข้มที่ค่อนข้างขุ่นผสานกันกับสีม่วงสวยสดงดงาม รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเต็มไปด้วยผลส้มเขียวหวาน ผลเชอร์รี่สีดำ ใบยาสูบ คาราเมลผสมเกลือ เมล็ดโกโก้และผลสตรอเบอร์รี่สด ซึ่งกลิ่นเหล่านี้ก็ยังช่วยในการถ่ายทอดความเต็มน้ำเต็มเนื้อของไวน์นี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะความนุ่มลึกและความเปรี้ยวของสารแทนนินได้อย่างดี รวมทั้งยังมีความซ่าราวกับเนื้อสัมผัสของโซดาเล็กน้อยที่ผสานกันกับความหวานจากผลไม้สีแดงหลากหลายชนิดได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีความหวานจากผลไม้สีดำได้อย่างดีเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะผลเคอร์แรนสีดำที่ออกมาเป็นโดดเด่นเป็นพิเศษกับรสของวานิลลาที่แทรกมาจางๆอีกด้วย

            ในภาพรวมสามารถกล่าวได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ค่อนข้างพิเศษและเป็นเอกลักษณ์ของไวน์นี้ที่มีความหวานจากผลไม้ทั้งสีดำและสีแดงหลากหลายชนิด โดยเฉพาะผลเคอร์แรนสีดำที่ค่อนข้างโดดเด่นเป็นพิเศษกว่าผลไม้ชนิดอื่น โดยกลิ่นและรสชาตินี้ได้ผสานกันกับวานิลลาที่ความหวานนวลและสารแทนนินที่มีความเปรี้ยวที่ลงตัวเหมาะสมพอดิบพอดี นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวาง เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ดกับอาหารที่มีส่วนผสมของชีสทั้งแบบชีสผสมและแบบชีสผสม นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 13.9-14.2% ด้วยเช่นกัน

Silver Oak Cabernet Sauvignon Napa Valley

Silver Oak Cabernet Sauvignon Napa Valley

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Sassetti Livio Pertimali Brunello di Montalcino

Sassetti Livio Pertimali Brunello di Montalcino

            Sassetti Livio Pertimali Brunello di Montalcino นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาภายใต้แบรนด์ไวน์ชื่อดังอย่าง Sassetti Livio Pertimali ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมืองTurcany ของประเทศอิตาลี ซึ่งในบริเวณแห่งนี้นั้นก็ยังสามารถกล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์และมีการก่อตั้งขึ้นมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ.1967 โดยผู้ก่อตั้งที่มีความสามารถในการปรุงแต่งไวน์อย่าง Livio Sassetti

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่ามีกรรมวิธีและกระบวนการผลิตที่ค่อนข้างละเอียดและความซับซ้อน เมื่อเทียบกับการผลิตไวน์ชนิดอื่นๆ แต่กลับมีเอกลักษณ์และความโดดเด่นอย่างน่าประหลาด โดยเริ่มแรกนั้นวัตถุดิบที่ทางผู้ผลิตได้เลือกใช้นั้นเป็นสายพันธุ์องุ่นที่ไม่ค่อยนิยมมากนักในการผลิตไวน์อย่างSangiovese Grosso หรือสามารถเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า Brunello แท้ 100% มาใช้ ซึ่งองุ่นที่เลือกใช้นั้นก็จะต้องเป็นองุ่นที่ผ่านการเพาะปลูกโดยใช้ดินเหนียวปนกับหินปูนและจะต้องเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนสิงหาคมด้วยมือเปล่าเท่านั้น ไม่มีการใช้เครื่องมือใดเก็บ เพื่อให้องุ่นนั้นมีสภาพดีเยี่ยมที่สุด หลังจากนั้นทางผู้ผลิตจะนำองุ่นไปบดและหมักลงในถังสแตนเลสที่อุณหภูมิประมาณ 28-29 องศเซลเซียสเป็นเวลายาวนานกว่า 10-15 วัน หลังจากนั้นจึงนำองุ่นเหล่านี้ไปบ่มลงในถังไม้โอ๊กสายพันธุ์เยี่ยมของชาวสลาฟหรือประเทศสโลเวเนียเป็นเวลายาวนานกว่า 36 เดือนก่อนจะนำไปบรรจุลงขวด

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์คุณภาพเยี่ยมที่มีคุณลักษณะโดดเด่นทั้งสี เนื้อสัมผัส กลิ่นและรสชาติ เริ่มในส่วนแรกของไวน์คือสีของเนื้อสัมผัส ไวน์ชนิดนี้ถือว่าเป็นไวน์แดงที่มีสีค่อนข้างแดงเข้มสวยงามราวกับสีของทับทิม รวมทั้งยังมีกลิ่นและรสชาติที่มีเอกลักษณ์ของผลไม้สีดำหลากหลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นผลเชอร์รี่สีดำ ผลเบอร์รี่สีดำและเครื่องเทศหวานๆหลากหลายชนิด ที่มีจุดเด่นที่ได้ถ่ายทอดถึงกลิ่นอายและบรรยากาศของความร่วมสมัยและความเข้มข้นได้เป็นอย่างดีเยี่ยมมาก รวมทั้งยังมีความนุ่มละมุนและความเป็นกรดจากสารแทนนินอย่างดี

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นและรสชาติที่ดีเยี่ยม ทั้งความหวานจากผลไม้สีดำหลากหลายชนิด ทั้งผลเชอร์รี่และผลเบอร์รี่ รวมทั้งความหวานเพิ่มเติมจากเครื่องเทศและความเปรี้ยวจากสารแทนนินที่ถูกถ่ายทอดกลิ่นอายของความร่วมสมัยได้เป็นยอ่างดี ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อกวางและเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่และเนื้อเป็ด รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 13.5%

Sassetti Livio Pertimali Brunello di Montalcino

Sassetti Livio Pertimali Brunello di Montalcino

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Masseto Toscana

Masseto Toscana

            Masseto Toscana นับได้ว่าเป็นไวน์ที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแบรนด์ไวน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับชั้นนำของทวีปยุโรปอย่าง Masseto ที่มีการตั้งถิ่นฐานการผลิตใหญ่อยู่ที่เมือง Toscana IGT ที่ตั้งอยู่ในภูมิภาค Tuscany ในประเทศอิตาลี ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้เป็นแบรนด์ไวน์ที่มีแหล่งเพาะปลูกไร่องุ่นและโรงกลั่นไวน์คุณภาพ

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกปล่อยออกมาแทบจะทุกปี ด้วยวิธีการผลิตและเป็นสูตรที่มีเสียงเล่าลือกันอย่างหนาหูว่า ถึงแม้ว่าจะจำสูตรการทำมาได้ละเอียดเท่าไหน แต่ก็ไม่สามารถผลิตไวน์ที่สามารถถ่ายทอดกลิ่นอายและวัฒนธรรมจาก Masseto ได้เลย ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำองุ่นสายพันธุ์ชื่อดังอย่าง Merlot แท้ 100% ที่ได้มีการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวมาจากไร่องุ่นของแบรนด์ไวน์เองอย่างไร่องุ่น Masseto

            โดยไวน์ชนิดนี้ยังนับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีลักษณะที่ค่อนข้างโดดเด่นและงดงามอย่างดีเยี่ยม ไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่เป็นตัวแทนของไวน์ที่แสดงออกถึงความสุกของผลไม้และความวินเทจของสูตรต้นตำรับที่นำมาใช้ในการผลิตไวน์ในครั้งนี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นสีของเนื้อสัมผัสที่เป็นสีแดงที่แทบจะคล้ายคลึงกับสีแดงดำเลยก็ว่าได้ รวมทั้งยังเป็นไวน์ที่มีกลิ่นที่ค่อนข้างเข้มข้นไปด้วยกลิ่นของผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลไม้สีดำที่ค่อนข้างโดดเด่นออกมาเป็นพิเศษที่ผสานกันกับชะเอมเทศและเครื่องเทศชนิดต่างๆ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังมีรสชาติที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง ว่าจะเป็นการผสมผสานกันระหว่างความเข้มข้นและความสุกของผลไม้ชั้นเยี่ยมที่ผสานกันกับความสมดุลและความสดใหม่ได้อย่างดีเช่นเดียวกัน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมาจากเครื่องเทศ ชะเอมเทศและผลไม้ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีสีดำชนิดต่างๆ ได้เป็นอย่างดี โดยกลิ่นและรสชาติเหล่านี้ช่วยถ่ายทอดให้ไวน์ขนิดนี้เป็นไวน์ที่มีกลิ่นอายและบรรยากาศของความสดใหม่ ความสุกของผลไม้ ความเข้มข้นและความสมดุล ซึ่งนับว่าค่อนข้างหาได้อย่างยากยิ่งในไวน์ทั่วไป ซึ่งลักษณะทั้งหลายเหล่านี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่ไวน์นี้จะรับประทานควบคู่กันกับอาหารที่มีส่วนประกอบของเนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้ออบ เนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่กับเนื้อเป็ด และเครื่องในสัตว์ชนิดต่างๆ นอกจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 12-14%

Masseto Toscana

Masseto Toscana

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com

Giacomo Conterno Monfortino Barolo Riserva

Giacomo Conterno Monfortino Barolo Riserva

            Giacomo Conterno Monfortino Barolo Riserva นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาจากแบรนด์ไวน์ชื่อดังที่มีเสียงเล่าลือถึงคุณภาพที่ยอดเยี่ยมจากทวีปยุโรปอย่าง Giacomo Conterno ซึ่งแบรนด์ไวน์ชนิดนี้ยังมีการตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีการตั้งอยู่ทางเนินเขา Barolo ของเมือง Piemonte ของประเทศอิตาลี

            ซึ่งไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีการนำวัฒนธรรมของชาวอิตาเลียนที่มีชื่อเฉพาะว่า สไตล์ Riserva ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะที่จะไม่เน้นการหมักไวน์ให้มีลักษณะออกมามากที่สุดในถังหมัก แต่ว่าจะเป็นการเพิ่มความหอมหวานและรสชาติที่ยอดเยี่ยมที่มีการเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ ภายในขวดภาชนะที่บรรจุ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 โดยองุ่นที่ใช้นั้นก็มีการนำองุ่นเพียงแค่สายพันธุ์เดียวเท่านั้น ได้แก่ Monfortino มาใช้ในการผลิต ซึ่งองุ่นจะต้องมีการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวในไร่องุ่น Falletto ที่มีการตั้งอยู่บริเวณทางเนินเขาทางตอนเหนือที่มีชื่อเรียกว่า Serranlunga Side

            โดยไวน์ชนิดนี้นับได้ว่าเป็นไวน์ที่มีกลิ่น สี เนื้อสัมผัสและรสชาติที่นับได้ว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นสีของไวน์ที่เป็นสีแดงสดราวกับสีของไวน์แดงชั้นเยี่ยม รวมทั้งยังมีกลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพันธุ์ที่ผสานกันกับกลิ่นหวานของใบยาสูบ กลิ่นที่แห้งจากเครื่องเทศตากแห้งและกลิ่นราวกับหนังที่แสดงออกถึงความสดใหม่ของไวน์ได้อย่างดี ซึ่งรสชาติของไวน์นั้นก็แทบจะไม่แตกต่างจากกลิ่นที่ได้รับมาเท่าไหร่นัก แต่ว่ารสสัมผัสเสริมที่เข้ามา ได้แก่ รสชาติของลูกกวาด เปลือกส้มแห้งที่มีทั้งความหวานและความขนปนกัน รสของผลเชอร์รี่ตากแห้ง ลูกมะเดื่อ ชะเอมเทศและผลส้มเทอมารีน

            ในภาพรวมสามารถกล่าวสรุปได้ว่าไวน์ชนิดนี้เป็นไวน์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในลักษณะของเนื้อสัมผัสที่ค่อนข้างสูง ที่สร้างความโดดเด่นให้กับไวน์นี้ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นทั้งความหวาน ความขม ความเผ็ดร้อนและความสดใหม่ ซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งกับการรับประทานควบคู่กับอาหารที่มีส่วนผสมของเนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อกวาง รวมทั้งอาหารจานเดียวอย่าง พาสต้าก็เหมาะสมด้วยเช่นเดียวกัน นอกเหนือจากนี้ไวน์ชนิดนี้ยังเป็นไวน์ที่มีระดับของปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ที่ 14.5%

Giacomo Conterno Monfortino Barolo Riserva

Giacomo Conterno Monfortino Barolo Riserva

สั่งซื้อสินค้า

ติดต่อสอบถามสั่งซื้อทาง Line ครับ

โดย รีวิวเหล้านอก.com